แบกเป้เที่ยวกระบี่ 3 วัน 2 คืน กับสถานที่ที่มากกว่า Unseen Thailand

โอ้ยยยยยยยยยย ให้ตายเถอะ ครั้งสุดท้ายที่ไปกระบี่ก็ตอนจบปีสี่ใหม่ๆ นู้นนนน นับนิ้วไปมาก็ห้าปีกว่าแล้ว กระบี่ที่เคยไปตอนนั้นมันจะเป็นอย่างไรบ้าง จำได้ว่าครั้งแรกที่ไปก็ติดใจไม่น้อย ทัวร์สี่เกาะ ไร่เลย์ ไก่ ปอดะ ทะเลแหวก สุสานหอย อะไรก็ว่าไป ตอนนั้นถึกอึดทนมากๆ ขับรถไปกับเพื่อนจ้า กทม. – กระบี่ ฟาดไป 12 ชั่วโมงก้นบานกันเลยทีเดียว แต่กระบี่ครั้งนี้ที่จะพูดถึง ขอบินกลับไปคูลๆ แล้วกันนะ

ทีบอกว่าบินกลับไปคูลๆ นิก็ไม่ได้รงไม่ได้รวยอะไรหรอก ก็ AirAsia ปล่อยตั๋วโปรฯ มาขาละ 555 บาท จะไม่ให้กุไปได้ไงล่ะอิห่า ถูกกว่าจองรถทัวร์กลับบ้านอีกดีออกกกกก และเดี๋ยวนี้นะ บริการของ AirAsia ที่ว่าราคาจับต้องได้แล้ว ยังมี Destinations หลากหลายให้เพื่อนๆ ได้เลือกลงกันด้วย แต่เอาล่ะ สำหรับทริปนี้ก็ขอพามาลงที่กระบี่แล้วกัน ได้ตั๋วไปกลับ 2,000 – 3,000 ก็ถือว่าคุ้มสุดๆ ละ

เพื่อนๆ สามารถจองตั๋วเครื่องบินได้ที่: https://www.airasia.com/th/th/

ในส่วนของทริป 3 วัน 2 คืน จะให้มาเล่าว่าตื่นเช้าขึ้นมา ทาน Breakfast อร่อยของโรงแรมนี้ แวะเล่นน้ำที่สถานที่สุดคลาดสิคอย่างสระมรกต แล้วต่อด้วยเดินชมวิถีกระบี่ชนบทในช่วงบ่ายอะไรแบบนี้ ขอไม่มีในกระทู้นี้นะคะ เพราะเกรงว่าจะเสียเวลาผู้อ่าน ทางนี้จะซัดเนื้อๆ ให้เลย ว่ากูไปที่ไหนมาบ้าง แล้วแต่ละที่มันคืออะไร มีที่มาคร่าวๆ อย่างไร ส่วนการเดินทางก็นะ เอาชื่อสถานที่ไป search ใน google กันเอง ทางนี้คงไม่ต้องฝัง GPS เหมือนจูงมือไปแปะทองลูกนิมิตรตามงานวัดหรอกเนอะ และกระบี่ทริปนี้ ขอพิเศษผักหน่อยๆ เพราะกระบี่ ไม่ได้มีแค่ทะเลจ้าาาาา…

กระบี่ไม่ได้มีแค่ทะเลทริปนี้ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจห่าเหวอะไรหรอก แต่ช่วงที่เราไปดันซวยพายุเข้าทั้งสามวัน ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะหาที่เที่ยวบนฝั่ง และก็พบว่า บนฝั่งของจังหวัดกระบี่ ก็ Unseen ไม่น้อย แล้วแถมยังมี Hidden Place ที่หลายคนยังไม่รู้จักกันด้วย ซึ่งทาง ททท. ก็ยังไม่อยากให้เปิดเผย ทางเราก็เลยไม่ได้โฆษณาแรงมาก แต่ก็มีอยู่ในสถานที่ตามตารางข้างล่างนี้แน่นอน

DAY 1

  • ไร่เลย์ (ปีนผา)

DAY 2

  • สระมรกต
  • น้ำตกร้อน
  • เขาขนาบน้ำ
  • แกรนด์แคนยอนกระบี่
  • แลเลกริลล์

DAY 3

  • วัดถ้ำเสือ
  • คลองสระแก้ว
  • คลองสองน้ำ
  • คลองรูด

เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มเดินทางกันเลย แต่ต้องบอกก่อนว่า การจะใช้รถสาธารณะที่นี่ ค่อนข้างไม่สะดวก หากไปหลายคน เราจึงแนะนำให้เช่ารถแล้วขับกันเองสะดวกกว่าครับ ครั้งนี้เราจองกับเว็บของรุ่นน้องเราเอง คือน้องแบบเรียนจบปุ๊บ เปิดบริษัทเลยจ่ะ และก็ไม่ทำให้เราผิดหวังครับ เพราะนอกจากจะมีบริการจองรถแล้ว ยังมี Booking อื่นๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวให้บริการอีกด้วย ยังไงลองเข้าไปดูที่เว็บน้องชายผมเว็บนี้ครับ https://www.mamybooking.com/th/

ไร่เลย์ (ปีนผา)

เอาเข้าจริงๆ ไร่เลย์เนี่ย ผมติดหูติดตามาจากโฆษณาหนึ่งตั้งแต่สมัยเด็กๆ จำไม่ได้ว่าใช่เรย์ แมคโนนัลรึป่าวที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ หรืออะไรสักอย่างที่ให้สัมภาษณ์ว่า ในตอนนั้น “หาดไร่เลย์” เป็นที่สุดของเขาแล้ว ซึ่ง ณ พ.ศ. นั้น ผมก็จำคำนี้มาตลอด และก็ได้มีโอกาสไปเห็นด้วยตัวเองในช่วงเรียนจบปีสี่เมื่อห้าปีที่แล้ว ซึ่งก็สวยอย่างที่เขาว่าจริงๆ แต่ทริปนี้ เราไม่ได้มาชิลครับ เรามาแบบสายบู๊ เพราะเราจะมาปีนผาที่นี่แหละ

และการปีนผาที่ไร่เลย์ ถือว่าดังไปทั่วทั้งโลกครับ ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกล้วนแต่อยากมาปีนผาที่นี่ เพราะด้วยระดับความยากที่ทำให้เข้าถึงกับทุกระดับของนักปีนผา บวกกับวิวที่สวยสดจรดตาเป็นฟ้าสีครามนั้น เลยทำให้ที่นี่ดึงดูดสุดๆ ซึ่งเมื่อได้มาสัมผัสอีกครั้ง ก็ไม่แปลกใจที่เป็นแบบนั้น

กิจกรรมของที่นี่นั้นมีอยู่หลายแบบด้วยกันครับ ไม่ว่าจะเป็นนอนดาบแดด ปีนฟา เดินป่าเข้าถ้ำ หรือเดินขึ้นไปจุดชมวิว Lagoon ที่น้อยคนนักจะกล้าปีนป่ายขึ้นไปนั้น ล้วนแต่ท้าทายด้วยกันทั้งสิ้น สมัยก่อนที่นี่จะมีจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะไต่ผาไปข้างๆ แล้ว Cliff Jumping ลงมาในทะเล แต่ด้วยความอันตราย เลยถูกทางอุทยานฯ สั่งงดไปเรียบร้อย

และการปีนผาของเราในทริปนี้ ก็ไม่พลาดที่จะให้ทีมชื่อดังอย่าง Real Rock Climbing ดูแลแน่นอนครับ ซึ่งพี่เค้าก็ดังเอาการเลยล่ะ ถ้าอยากรู้ว่าดังขนาดไหน search คำว่า “ปีนผา กระบี่” ครั้งเดียว รู้เรื่อง ที่นี่ก็จะรวมทุกอย่างไว้ทีเดียวครับ ตั้งแต่อุปกรณ์ ไกด์ และทัวร์ ร้านก็อยู่ใกล้ๆ ท่าเรือตรงอ่าวน้ำเมาครับ และที่การันตีสำหรับคนที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะปีนดีมั้ย ก็ต้องขอบอกเลยว่า พี่ๆ เค้ามีประสบการณ์ปีนผามามากกว่า 16 ปีแล้ว เพราะฉะนั้น เชื่อดิ!!!
เพื่อนๆ สามารถดู Package Trip และสอบถามราคาได้ที่ http://www.realrocksclimbing.com

สำหรับทริปของเราเราเลือกครึ่งวันครับ เป็น Package Half day Rock Climbing Tour ราคาคนละ 1,000 บาท ก็จะไปเจอกันที่ท่าเรือ นั่งเรือหางยาวไปไร่เลย์ อาจจะขอลองปีนผาดูนิดหน่อยลองเชิง จากนั้นก็เดินป่า เข้าถ้ำ ไปจุดพีค Hidden Cave ที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องชอบ ต่อด้วยโรยตัวลงมาเป็นด่านสุดท้าย ก่อนจบทริป

สระมรกต

สระมรกตที่เพื่อนๆ เคยเห็นในภาพสวยๆ นั้นต้องมาตั้งแต่ 8 โมงเช้าครับ และต้องมาตอนที่ไม่มีคนเลย สระมรกตถึงจะมรกตสมชื่อ ซึ่งสระมรกตเนี่ย เกิดจากตาน้ำ ที่ไหลลงมาจากบ่อน้ำผุดครับ และมารวมตัวอยู่ที่สระแห่งนี้ วันไหนแดดจ้าๆ น้ำจะใสจนเหลียว //อย่าผวน แหนะ ก็บอกว่าอย่าผวน น้ำใจใสจนมองเห็นด้านล่างทะลุปรุโปรงเป็น 10 เมตรเลย

ซึ่งเหตุผลที่น้ำมีสีครามใสหน่อยๆ ก็เพราะมาน้ำผุดนั้นมีแร่ แคลเซียนคาโบเนตครับ เป็นสสารจางฟ้า เมื่อถูกแสงจะเกิดการหักเห และทำให้เกิดสีอย่างที่เห็นในภาพ (อันนี้เป็นข้อมูลที่เคยศึกษามาครับ ส่วนถ้าอยากรู้ลึกกว่านี้ ก็ Google เหมือนเดิมนะครับ) รสชาติจะกระด้างหน่อยๆ กลิ่นไม่แรงเหมือนน้ำปกติ เวลาที่ควรมาก็อย่างที่บอก 8-9 โมงนั่นแหละ หรือมาตั้งแต่ตอนเปิดของวันกรุ๊ปแรกอะไรแบบนี้ เพราะถ้ามาหลัง 10 โมงไปแล้ว เข้าใจคำว่าทัวร์จีนไหมครับ โอ้โหหหหหห

นอกจากสระมรกตที่เป็นจุดดึงดูดงามๆ ก็จะมีบ่อน้ำผุดที่เอ่ยขึ้นมานั่นแหละ จุดนี้น้ำใสมาก แต่ไม่อนุญาตให้เล่น และตอนที่เราไปเค้าก็ปิดไม่ให้เดินไปชมแล้ว อาจจะเป็นเพราะหน้าฝนที่ทางเดินมันลื่นก็เป็นได้ ส่วนบริเวณรอบๆ ก็จะมีเส้นทางธรรมชาติให้เพื่อนๆ ได้ศึกษากันไป ใครไม่เคยมาต้งชอบแน่ๆ ค่าเข้า 20 บาท เปิดตั้งแต่ 8.30 น. – 17.00 น. นะครับ : )

น้ำตกร้อน

เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้นน้ำมันมาจากไหน เพราะไม่มีโอกาสได้ไปดูเลย แต่น้ำตกที่นี่ ร้อนสมชื่อครับ เมื่อไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ ก็พบว่า มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 45 องศาเซลเซียส และจุดที่ร้อนทีสุดที่สามารถแช่ได้ คือชั้นบนของน้ำตกที่มีอุณภูมิกว่า 50 องศาเซลเซียสนั่นเอง

ซึ่งก็อย่างที่บอกว่า “ดีกว่าแช่ออนเซ็นที่ทำได้ตอนนี้ก็น้ำตกร้อนที่จังหวัดกระบี่นี่แหละ” ด้วยความงามของธรรมชาติ น้ำตกร้อนที่มีไอฟุ้งตอนกระทบกับลำธารธรรมชาติไหลเย็นด้านล่าง ทำให้ทุกอย่างมันลงตัวครับ มันสบายมากๆ นอนพักคูลๆ ตัวอุ่นๆ ที่นี่สัก 10 – 20 นาที ก็ไม่อยากทำอะไรแล้วครับ เพราะมันสบายมากๆ สำหรับที่นี่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8.30 – 17.00 น.ครับ ค่าเข้า 20 บาท และก็มีรถรับส่งเพิ่มเข้ามาบริการด้วยนะ ไปกลับ 20 บาทเท่านั้น เดินอีกนิดก็ถึงน้ำตก และลำธารที่ผ่านมาชนกันแล้ว เป็นอีกที่ที่แนะนำครับ

เขาขนาบน้ำ

เอาเค้าจริงๆ เราก็ไม่รู้หรอก ว่าเขาขนาบน้ำคืออะไร จนกระทั่งน้องคนขับแนะนำว่าพี่ไม่ไปที่นี่หรอ ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของจังหวัดนี้เลยนะ อื้อหือออ น้องมันสร้าง story มาเสียน่าสนใจ ไอ่เราก็ด้วยความอยากรู้ว่ามันจะขนาดไหน ก็เลยลงไปดู

บริเวณนั้นมี package เรือหางยาวและหัวพังแล่นไปตามคลองด้วยนะ ราคาคนละ 100 บาท เหมาเรือชั่วโมงละ 300 บาท เหมาเรือทั้งวัน 1,800 บาท แต่เรื่องที่พีคมันอยู่ตรงนี้ เรื่องของ “เขาขนาบน้ำ” ซึ่งเขาขนาบน้ำเนี่ย สูงกว่า 100 เมตร เป็นเสาหินปูน และเป็นเอกลักษณ์หรือสัญลักษณ์ประจำเมืองกระบี่ ภายในมีภาพวาด และพบกระดูกของสิ่งมีชีวิตกว่า 3,000 ปี ซึ่งจากจุดขึ้นเรือ แล่นเรือหัวพังไป 15 นาทีก็ถึง

แกรนด์แคนยอนกระบี่

ณ จุดนี้รับรองว่าไม่มีใคร search หาข้อมูลนี้เจอใน internet แน่นอน เพราะมีเพียงคนในตัวกระบี่เท่านั้นว่าจะรู้ว่าที่นี่มีแกรนด์แคนยอน จริงๆ เราก็ไม่รู้หรอก และมันก็ไม่ได้หาข้อมูลกันง่ายๆ เผอิญว่าน้องแบงค์ (เจ้าของเพจพาวัวไปร่าน เอ้ย ไปล่ามมมม!!!) เค้าเป็นคนกระบี่ ก็เลยแนะนำที่นี่ให้เรา ตอนนั้นผมถามคำเดียวเลยว่า โดด ได้ มั้ย?

น้องบอกยังไม่เคยมีคนโดด แต่ผมดูละ จิ้บจ๊อยมาก โดดได้สบายๆ เสียอย่างเดียวที่เวลาไม่พอ ถ้าพอจะลงไปเช็คข้างล่างก่อนแล้วโดด แต่ก็นั่นล่ะครับ หากใครไปทริปนี้ อยากโดด แนะนำให้เตรียมตัวดีๆ สำหรับเรา เราว่าโดดได้ ในทริปนี้จะเน้นการขับ ATV เป็นหลักครับ ซึ่งมันจะอยู่ใน Program ของ “ภูผาวาริน ซาฟารี ” ราคาครึ่งชั่วโมง 400 บาท หนึ่งชั่วโมง 600 บาทเท่านั้น เส้นทางก็จะลุยโคตรๆ ครับ รับรองว่าต้องชอบสำหรับขาลุย

หนึ่งชั่วโมงก็เพียงพอสำหรับการขับ ATV ลุยโคลน เข้าป่า ลุยฝน แล้วมาเจอวิวแบบนี้ครับ มากไปกว่านั้นทาง “ภูผาวาริน ซาฟารี” เค้ายังมีโปรแกรทัวร์เด็ดๆ เจ็ดย่านน้ำอีกเยอะแยะครับ หากเพื่อนๆ ใสจน สนใจ ก็สามารถโทรไปสอบถามกับพี่เจ้าของได้ที่เบอร์ o91-042-4469 ตามที่ให้ได้เลยครับ : )

แลเลกริลล์

ต้องขอกราบอภัยเพื่อนๆ ด้วย ที่เราไม่ได้ถ่ายให้เห็นบรรยากาศของร้านครับ คือแบบ มันหน้ามืดตามัว มันโซ มันเดินเข้ามาแล้วแดกเลย แงงงง เอาเป็นว่าจะอธิบายบรรยากาศของร้านให้ฟัง ลองนึกตามนะ เป็นร้านที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในอ่าวนาง วิวดีโพดดดดดด เห็นทั้งเมือง เห็นทั้งทะเล สามารถมาชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ได้ ร้านตกแต่งด้วยโคมไฟสีสันโทนอุ่น เป็นรูปปะการังซึ่งทำมาจากวัสดุคุณภาพที่คัดมาแล้วว่าแมทกับบรรยากาศและสถานที่ มากไปกว่านั้นยังสร้างศิลปะให้เกิดฝูงปลาแหวกว่ายอยู่บนเพดานและฝาผนัง โอ้ยยยยย คือแบบ ต้องไปเอง

เมนูเค้ามีเยอะแยะมากมากหลากหลายหลายหลากลากไส้ไม่ไปก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วแม่เจ้าาาาาาาาาาา  //กุจะเขียนวนไปวนมาทำไมเนี่ยยย นั่นแหละครับ กุ้งหมึกหอยปูปลาน้ำเต้าไฮโล เอ้ย!!! เอาเป็นว่าอาหารนี่มีหมด จะเย่อหยิ่งไปทาง Sea Food ที่สดแบบจับมาตบให้ทานกันตัวเป็นๆ ในบางเมนูก็มี ส่วนรสชาติก็ไม่อยากจะชมอะไรมาก ดีเว่อร์ //ไม่ได้ชม?? ก็ของเค้าดีนิหว่าาาา นั่นแหละครับ แล้วราคาคบกันได้แบบยาวๆ เลยล่ะ : )

และอีกเมนูสุดท้ายที่หนำเหนอ นั่นก็คือ กุ้งมังกร ซาชิมิครับ ทางนี้นิเดินเข้าไปถึงโรงครัวด้วยตัวเองเลย เค้าซื้อกุ้งมังกรจากชาวประมงครับ ซึ่งตัวที่ผมทานอยุ่นี้ ราคา กิโลกรัมละ 3,000 กว่าบาท ซึ่งหากไปหาทานแถวภูเก็ต รับรองว่า 5,000++ แน่นอน คำพูดอีกครั้งก่อนจะจบเรื่อง แบกริล เอ้ย!!! แลเลกริล ก็ไปแดกเถอะ อร่อยยยยย!!! สนใจจองโต๊ะได้ที่เบอร์นี้เลย 075-661588

วัดถ้ำเสือ

วัดถ้ำเสือ อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีไปทาง อ.ท่าม่วง ราวๆ ร้อยกิโลครับ เป็นวัดที่ตั้งกระหง่ากลางทุ่งนา มีศิลปกรรมไทยปนล้านนาหน่อยๆ ชวนให้อยากมาสัมผั…. สัส!!! คนละจังหวัดละอิเหี้ย!!! คืองี้…. วัดถ้ำเสือจังหวัดกระบี่เป็นสถานที่ที่ไม่ได้อยู่ในแพลนตั้งแต่แรกเลย เพราะว่าเรากะว่าจะเก็บกรีนๆ ของกระบี่ แต่ก็นะ ได้ยินชื่อเสียงมาตั้งนาน ก็เลยเอาสักหน่อย และก็ไม่คิดว่าจะได้เจอวิวสวยๆ แบบนี้ด้วย วัดแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 6 กิโลเท่านั้นครับ ก็น่าจะมีเสืออาศัยอยู่ล่ะมั้ง เค้าก็เลยตั้งชื่อว่าวัดถ้ำเสือ ส่วนที่มาของวัดก็น่าจะมาจากพระธุดงค์ที่เดินทางจากจาริกไปเพื่อหาสถานที่วิเวกในการปฏิบัติธรรม มาอาศัยอยู่ตามถ้ำ และมีชาวบ้านที่ศรัทธาตามมากราบไหว้เป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นวัด (วัดถ้ำเสือ) ในเวลาต่อมานั่นเอง

ซึ่งสิ่งสำคัญในวัดนั้นดูเหมือนจะโดดเด่นที่การมาขอพรจาก “เจ้าแม่กวนอิม” ที่มีความสูงใหญ่ถึง 5 เมตร //อกอิแป้นจะแตก ไม่ได้ถ่ายรูปมา ก็เพราะว่าพึ่งเดินลงมาจากจุดชมวิววัดถ้ำเสือครับ เหนื่อยโคตร!!! ฮาๆๆๆ

ข้างบนจุดชมวิวจะมีพระธาตุเจดีย์ระฆังใหญ่ตั้งอยู่บยนยอดเขาครับ แล้วก็จะเป็นจุดชมวิวด้วย เป็นอีกจุดที่ต้องทำใจหน่อยๆ เพราะจะต้องขึ้นบันไดชันๆ ที่มีน้องลิงเรี่ยรายคอยแอบขโมยนู่นนี่อยู่ระหว่างทางถึง 1,237 ขั้นครับ วันไหนโชคดี เจอทะเลหมอกบนจุดชมวิวตรงนี้แน่นอนครับเพื่อนๆ : )

คลองสระแก้ว

คลองสระแก้วเป็นอีกที่หนึ่งที่เราคิดว่า Unseen มากๆ เพราะเป็นสถานที่ที่ไม่ถูกโปรโมทอะไรทั้งนั้น แต่มันดีต่อใจของผมและลูกเพจที่ไปด้วยเสียเหลือเกิน น้ำใสมากกก มีสะพานยื่นออกมาจากฝั่ง คิดว่าน่าเล่นมั้ย ก็น่าเล่นอ่ะดิ แต่ๆๆๆๆ

สระนี้มีความลึกถึง 250 เมตร++ คือผมทึ่งเลย ตอนแรกไม่เชื่อครับ พอชาวบ้านขับรถผ่านไป ก็เลยถาม หนักเข้าไปอีกครับ ลุงแกบอกว่าลึก 400 เมตร เชี่ยอะไรเนี่ย นี่กุกำลังเอาขาหย่อนลงไปในน้ำลึก 400 เมตรเลยหรอวะ แต่ก็นั่นแหละครับ ลุงแกก็เล่าว่า สมัยก่อน ชาวบ้านก็มาเล่นกัน มีมาทำทัวร์นู่นนี่นั่น คายัค โดดน้ำ แต่สุดท้ายก็ล้มเลิก ด้วยเหตุผลอะไรผมก็ไม่มั่นใจ อาจจะเพราะมันยังไม่คูลพอสำหรับนักท่องเที่ยวหรือเปล่า ผมว่าไม่น่าใช่ เพราะสำหรับผม แม่งโคตรคูล

สุดท้ายก็รวบรวมความกล้า แล้วว่ายออกไปกลางสระแม่งเลยครับ ฟินโคตรๆ แต่ก็เสียว ความคิดเรานิแบบ มีสัประหลาดอยู่ด้านล่างที่พร้อมจะเขมือบตัวกูลงไปในบ่อน้ำที่ลึกราวๆ 400 เมตรอะไรแบบนี้ ฮาๆๆ ไม่เสียค่าใช้จ่ายครับตรงนี้ อยู่แบบข้างทางเลย แต่ทางจะดูเหมือนไม่มีอะไรหน่อยๆ ก็นั่นล่ะ Hidden Place ของแท้

คลองสองน้ำ

อิคลองเนี่้ยเนี่ย เป็นที่ที่อยากมามากๆ ตั้งแต่เด็กละ เพราะครั้งแรกที่มากระบี่ไม่รู้ว่ามีที่นี่ และครั้งนี้ก็ได้มา ปรากฏว่าสถานที่ท่องเที่ยวันที่สามนิอยู่ที่เดียวกันหมดเลยครับ คลองสระแก้ว คลองสองน้ำ และคลองรูด ที่กำลังจะพูดถึงในลำดับต่อไป ซึ่งที่เรียกว่าคลองสองน้ำเนี่ย ก็เพราะว่า บางช่วงจะมีน้ำทะเลที่ล้นเอ่อเข้ามาครับ เลยทำให้บางทีน้ำมีสองสีบ้าง มีรสชาติสองรสบาง ตอนเช้าเค็ม ตอนเย็นจืด ไรแบบนี้

ขอตัดมาที่ที่จอดรถของที่นี่หน่อย (ภาพข้างบน) ฝั่งขวามือจะมีป่าปาล์ม พืชเศรษฐกิจของจังหวัดกระบี่ อย่าลืมไปเช๊ะภาพสวยๆ กันนะครับ ยังก็อยู่ในสถานที่ลึกลับยังไงไม่รู้ อ่ะล่ะ กลับมา!!

 

ซึ่งเจ้าคลองสองน้ำก็จะเป็นสถานที่ชมระบบนิเวศชายทะเลดีๆ นี่เอง ที่นี่เค้าก็ทำดีครับ ทำทางเดินเท้าให้วนรอบไปเลย ใช้เวลา 1 ชั่วโมงกำลังดีครับ แล้วก็มีสถานที่จัดให้สำหรับคนที่อยากเล่นน้ำด้วย หากใครได้มีโอกาสมา ผมว่าคงชอบแน่ๆ เดินวนตามเข็มนาฬิกาไปเรื่อยๆ ก็จะเจอท่าเรือ หรืออู่ซ่อมเรือนี่แหละ ซึ่งหากวันไหนเราโชคร้าย คลองสองน้ำก็จะมีสีน้ำตาลยั่งแสนแสบ และหากวันไหนโชคดี ก็จะใสปิ้งเหมือนในภาพนี่แหละครับ

ซึ่งก็ขอบอกว่า ในภาพเราไม่ได้ปรับแต่งเพิ่มสีใดๆ เลย เน้นความเรียลของสีหลังกล้อง ภาพที่ออกมาจึงไม่หลอกเพื่อนๆ แน่นอน สำหรับคลองสองน้ำต้องเสียค่าบริการนะครับ มีค่าจอดรถ 10 บาท แล้วก็ค่าเข้าไปชมอีกคนละ 20 บาท สมัยก่อนมีบริการพายเรือแคนนูด้วยนะ แต่เดี๋ยวนี้งดละครับ คงจะเป็นเพราะทำร้ายธรรมชาติเห็นจะเป็นได้

คลองรูด

คลองรูดเป็นอีกที่หนึ่งที่ผมชอบที่สุดในทริปนี้ครับ เป็นสถานที่ที่ไม่คิดว่าจะมีในไทยและจังหวัดกระบี่ จริงๆ แล้วก็คือคลองหนองทะเลในนั่นแหละ ในคลองจะเป็นต้นไม้ที่ถูกท่วมจากน้ำบางส่วนครับ มีบริการให้เช่าคายัคพายเล่นกัน น้ำใสมาก ที่เห็นดำๆ นิคือใสแล้วแบบข้างล่างเป็นซากไม้ที่ตายไปอ่ะครับ คือดินมันอุดมสมบูรณ์มาก ไม่เสียค่าเข้าใดๆ แต่หากอยากพายคายัค ต้องจ่ายลำละ 400 บาทครับ

มากไปกว่านั้น ที่นี่จะมีฝายกั้นน้ำของหมู่บ้านครับ หากวันใดที่น้ำเยอะ จุดนี้ก็จะเป็นแหล่งรวมชุมชนคนของหมู่บ้านมาเล่นสไลเดอร์กัน ซึ่งเราก็ไม่พลาดที่จะไปจอยกับน้องๆ เค้า แต่ดูเหมือนน้องๆ เค้าจะเซียนกันนะ แม่งยืนสไลหนอน เอ้ย สไลเดอร์กันเลย พวกพี่ๆ ไปได้แต่กลิ้งๆ ล้มหัวเกือบฟาดพื้นก็มี ฮาๆๆๆ

จากต้นจนจบเป็น 10 ที่ ที่ผมคิดว่ามากกว่า Unseen Krabi นะครับ บางที่เพื่อนๆ อาจจะเคยไป เคยเห็น เคยได้ยิน ใน 10 ที่ผมว่ามีแน่ แต่ก็ยังเชื่อว่าใน 10 ที่ ต้องมีอย่างน้อย 2 ที่ ที่เพื่อนๆ ยังไม่เคยไปแน่นอน สำหรับผม กระบี่ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องมาลุยอะไรกรีนๆ แบบนี้ครับ เป็นเพราะพายุเข้า ออกเรือไม่ได้ เราเลยหักเหมุมมองการเที่ยวกระบี่แบบใหม่ให้อยู่แค่ในตัวเมืองไม่ออกฝั่ง ไม่รู้จะต่อว่าหรือขอบคุณพายุลูนนั้น ที่ทำให้ผมรู้ว่า กระบี่… ไม่ได้มีแค่ทะเล แล้วเจอกันระหว่างทางครับ

Leave a Reply

*