โรงแรมดุสิตธานีดูแพง แต่จับต้องได้แบบสบายกระเป๋า

Dusit Thani | Bangkok

เราเคยได้ยินชื่อนี้มาตั้งแต่เด็ก คำว่าดุสิตธานีของเราในสมัยนั้นมันดังมาก ทุกคนพูดถึง แม้กระทั่งข่าว หนังสือพิมพ์ ผู้หลักผู้ใหญ่ ต่างพากันเอ่ยถึงสถานที่แห่งนี้ ว่าเป็นที่ที่ดีงาม และทรงคุณค่า เหมาะแก่การมาพักสักครั้งหนึ่งในชีวิต

แล้วด้วยคำเหล่านั้นที่ผมฟังมาตั้งแต่เด้ก ทำให้เด็กยุก 90’s อย่างผมหลงคิดไปว่าสถานที่แห่งนี้มันคือถิ่น ไฮโซ ถิ่นที่คนรวยมีกะตังค์เท่านั้นที่จะมาพักได้ แต่ความคิดที่เคยคิดในสมัยเด็กนั้นมันไม่ถูกเลย จริงๆ แล้วห้องพักที่นี้ นักท่องเที่ยวหรือพนักงานทั่วไปอย่างเราๆ ก็พักได้ ห้องพักเริ่มต้นอยู่ที่ 3,000 กว่าบาท หรือหากมีโปรก็จะลดสูงสุดถึง 50% เปอร์เซ็นเลยทีเดียว โอกาสประจวบเหมาะและดีแค่ไหน หากได้พักโรงแรมห้าดาวในสมัยต้นๆ ของเมืองไทย ด้วยราคาที่กล้าจ่ายได้ขนาดนี้

พอดูดถึงเรื่องโปรก็มีโปรเมษาตอนนี้พอดี 25-27 เมษายนนี้ คือ 3-Day Dusit Gold Flash Sale ครับ ทุกห้องลดราคา 50% เลย และสำหรับสมาชิกของ Dusit Gold Card จะได้ถึงวันี่ 24 พฤษภาคมนี้ ยังไงก็จัดนะครับ อยากให้จัดจริงๆ หากมีตังค์หน่อยก็เขยิบขึ้นไปให้ร่างกายได้ลองสัมผัสกับเตียงอันแสนอุ่น โซฟาที่แสนนุ่ม ให้เรือนรางและความรู้สึกเราได้สัมผัสกับดีไซน์ที่เหนือระดับกับโรงแรมแห่งนี้สักครั้งในชีวิตครับ

เกริ่นมาเยอะแล้ว ขอพาเข้ามาดูห้องพักที่เราพักกันในคืนนี้กันก่อน ห้องพักของเราเป็นห้องพักหมายเลข 1002 อยู่ชั้น 10 ห้องหมายเลขสอง ชื่อ Dusit Room ราคาเริ่มต้นที่ 7,400 บาท วิวติดสระน้ำ มองไปข้างล่างเห็น มหาวิทยาลัยจุฬาฯ ตั้งอยู่ ภายในห้องสะอาด โอ่กว้าง แบ่งพื้นที่ของโซนนั่งเล่น ห้องน้ำและที่นอนได้เป็นสัดส่วน ทุกอย่างดูดีจัดแต่งได้อย่างลงตัว เหมาะแก่การนัวคลุกกลุ่นอยู่กับแฟนมากๆ ฮาๆๆ

แต่ทางดุสิตธานีเค้าก็ไม่ได้มีแค่ห้องพักเพียงชนิดเดียวนะครับ เค้ามีหลาย Type มากๆ ไม่ว่าจะเป็น Superior ที่เริ่มต้นที่ 5,700 บาท Deluxe room ที่ 6,300 บาท Dusit Room, Dusit Club ที่ 10,000 บาท จนไปถึง Thai Heritage Suite ที่ 25,000 บาท รวม Guestrooms และห้อง Suites ก็ราวๆ 517 ห้องเลยทีเดียว

แต่ละห้องก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ประกันความ ๕ ดาวอย่างดีงาม ไม่ว่าจะเป็น Air conditioning Alrarm Clock Cable, TV Direct dial telephone, Full Sprinkler system, Heat detectors, High speed internet, Hairdryers, Mini Bar, Private safe Pay TV หรือ Tea/coffee making facility คือมันไม่ได้มีเท่านี้ มันมีเย้ออออออออออ มากๆ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเตมได้ที่ www.dusit.com

นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีร้านขายของที่ระลึก กิ๊ฟช๊อป ภัตาคาร ที่มีชื่อเสียงให้เพื่อนๆ ได้จัดงานสังสรรค์รื่นเริงในวาระดีๆ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Benjarong ที่เน้นอาหารไทย The Pavilion ที่เน้นไปทางอาหารนานาชาติ หรือ Shogun อาหารญี่ปุ่น ที่นี่ก็มีไว้รับรองหมด รวมถึงห้องประชุม บาร์เบอ และอะไรต่างๆ อีกมากมาย ย้ำว่าให้ไปดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.dusit.com

สำหรับอาหารเช้าเนี่ย ก็ต้องบอกว่าจัดกันอยากจัดเต็มเลยครับ เพราะแต่ละอย่างเรียกได้ว่าแกรนด์ๆ ทั้งนั้น ทั้งไทย ทั้งเทศ แล้วแถมบางเมนูยังทำกันแบบ live cooking ให้เราดูกันสดๆ อีกด้วย เรียกได้ว่า นอกจากรสชาติจะดี อาหารสุด มีคุณภาพแล้ว ยังสร้างบรรยากาศในการทานอาหารเช้าได้อย่างดีทีเดียว

แต่สิ่งที่เหมาะกับการมาพักผ่อนและประทับใจกับผมมากคือสปาครับ สปาของที่นี่ DEVARANA หรือเรียกเป็นชื่อภาษาไทยว่า “เทวารัณย์” ครับ ที่นี่มีชื่อเสียงมากๆ คิวจองเรียกว่าแน่นจนต้องโทรมา Book กันเลยทีเดียว ผมได้มีโอกาสสัมผัสกับ Spa ที่ช่วงนี้ทางเทวารัณย์เค้าทำโปรฯอยู่จากราคา 6,800 เหลือ 4,500 บาทครับ แพ็คเกจนี้คือ The Heavenly Nantha Garden Experience นั่นเอง

คือต้องตะลึงตั้งแต่ที่เดินเข้าไปในสปาแล้วล่ะเอาเข้าจริงๆ เพราะดูใหญ่มาก และก็ดูเงียบสงบรื่นเริงไปกับเพลงเพราะๆ ที่เหมาะเจาะกับบรรยากาศไทยๆ อย่างดีงาม และต้องขอเกริ่นก่อนเลยว่า เจ้าแพ็คเกจ The Heavenly Nantha Garden Experience ตัวนี้เนี่ย ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวนนันทาครับ ซึ่งเป็นอุทยานดอกไม้ที่ตั้งอยู่ ณ ประตูสวรรค์ ตามเรื่องราวจากวรรณคดีไตรภูมิพระร่วงโดยผสานความงาของดอกบัวสีชมพูและดอกจำปีกับกลิ่นหอมยวนใจของดอกกระดังงาและดอกมะลิ เพื่อสร้างสวรรค์สำหรับคนรักสปา

เราจะถูกต้อนรับด้วยน้ำมะตูมอุ่นๆ เพื่อปรับธาตุในร่างกายก่อนครับ รู้สึกผ่อนคลายมากๆ

ตอนแรกเค้าก็จะให้เรากรอกประวัติการสปาก่อนครับ หลังจากนั้นก็จะชวนเราคุยเพื่อให้รู้สึกว่าเหมือนบ้านของตัวเอง พร้อมกับให้เราลองสูดกลิ่นน้ำมันหอมที่จะใช้นวดเราในครั้งนี้

ก็จะเริ่มต้นด้วยการแช่อ่างที่เต็มไปด้วยน้ำสปาอุ่นๆ พร้อมกับดอกบัวชมพูที่ดูฟิน ชวนเอาแฟนมาจิ้นในอ่างด้วย พนักงานจะให้เราแช่อยู่ในอ่างเพื่อปรับสมดุลร่างกายราวๆ 30 นาทีครับ ซึ่งจุดนี้ ทางนี้เค้าเรียก วารีบำบัด ก็จะคลายความตึงเครียด และบำรังผิวด้วยน้ำมันหอมที่ผสมลงไปในน้ำที่สกัดจากดอกไม้ไทยนานานพรรณ ช่วยให้รู้สึกสบายก่อนที่เราจะสครับตัวครับ

จากนั้นก็จะเป็นการสครับที่เรียกว่า “เทวารัณย์ สครับ” ก็จะใช้เกลือทะเลบริสุทธิ์กับน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากดอกไม้ มาขัดมาทา มาเสียดสีกับผิวเรา ทำให้รู้สึกว่าช่วยทำให้ผิวสะอาด ขจัดความหยาบกร้าน ลดความหมองคล้ำและคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอีกด้วย

และสุดท้ายสุดคือเป็นการนวดครับ น้ำมันหอมๆ นี่ลอยมา และถูกทาที่กลางตัว ใช้เทคนิคการนวดในแบบตะวันตก ซึ่งได้แก่ สวีดิชและอโรมาเธอราพีมาผนวกกับการนวดตำรับตะวันออกอย่างแผนไทยโบราณ อายุรเวทของอินเดีย และชิอัตสึจากญี่ปุ่น จังหวะการนวดที่หนักหน่วงชวนให้หลับน้ำลายยืดใส่ดอกบัวและฝานส้มที่เฉือนไว้นั้น ทำเอาคลายความเมื่อหล้าและกังวลเรื่องงานได้เป็นอย่างดี ตื่นมาอีกที อ้าววว สองชั่วโมงผ่านไปแล้วหรอว้า ฮาๆๆ

ก็นั่นแหละครับ อยากให้มาลองกัน เพราะอีกไม่นาน สถานที่แห่งนี้ก็จะถูกทุบทั้งหมด เพื่อสร้างเป็น Huge Community แบบใหม่ ที่ดีงามและยิ่งใหญ่กว่าเดิม แต่ทว่า ความเป็นทรงสามเหลี่ยมเรือใบจะหายไป จะเหลือไว้เพียงความทรงจำ ประวัติศาสตร์ที่ตราตรึงเราไว้ หากเป็นไปได้ ก็อยากให้หาโอกาส ใช้คำว่าหาเลยนะ หาโอกาสมาพักที่นี่สักครั้งในชีวิต ก่อนที่มันจะปิดลงและหายไป ซึ่งทาง Dusit Thani แจ้งกับผมว่า จะปิดให้บริการในวันที่ 31 มีนาคม 2561 และจะเริ่มทุกจริงๆ ในช่วงเดือนหกเดือนเจ็ดของปีนั้น ฟังดูแล้วก็น่าใจหาย แต่ก็นั้นแหละครับ เพื่อความยิ่งใหญ่ เราจึงต้องยอมเสียอะไรไปสักอย่างสองอย่าง ถึงแม้ว่ามันจะมีค่ามากมายต่อจิตใจแค่ไหนก็ตาม แล้วเจอกันระหว่างทางครับ

:: follow us ::

Youtube : https://goo.gl/rVqoVe
Fan Page : https://goo.gl/kDE9eh
Facebook : https://goo.gl/S42XZq
Instagram : https://goo.gl/60tM0B
Twitter : https://goo.gl/wx2I34
Pinterest : https://goo.gl/P1FsxN
Google+ : https://goo.gl/uQrGS9
Website : https://www.palapilii.com/

#palapilii
#wanderlust
#YOLO

Leave a Reply

*