รีวิว Maldives 3 วัน 2 คืน ด้วยเงิน 15,000 บาท [ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน]

เมิงงงง!!! เป็นครั้งแรกที่ได้เที่ยว #เกาะท้องถิ่นมัลดีฟ และต้องบอกว่าชอบสุด ๆ จริง ๆ การไปเที่ยวมัลดีฟ มันควรเริ่มจากเกาะท้องถิ่นแบบนี้แหละ รอบนี้พาที่บ้านไป ที่บ้านชอบมาก เพราะไปแบบครบทุกรสที่ควรจะได้มามัลดีฟสักครั้งในชีวิตจริง ๆ

Highlight

  • ว่ายน้ำกับ Nurse Shark
  • ใกล้ชิดกับ Stingrays บนหาดของเกาะ Fulidhoo
  • ที่พักพร้อมอาหารเช้าทุกมือ
  • เรือรับส่งไปกลับสนามบิน
  • ไกด์ตามถ่ายภาพใต้น้ำให้ทั้งทริป
  • ใช้ชีวิตอย่างคนเกาะท้องถิ่นที่ Maafushi
  • ปิกนิคทานข้าวเที่ยงบน Sand Back กลางทะเล Dhiggiri Sand Bank

ทั้งหมดที่พูดมา ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน ใช้จ่ายเฉลี่ยรวมอาหารทุกมื้อตกคนละ 15,000 บาทได้ บอกเลยว่าคุ้มมาก ๆ ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้ใน Highlight ด้านบนที่พูดมา

ซึ่งทริปนี้ทั้งทริป เราไว้ใจให้ Go Travel x Maldives 1st Time ดูแล โดย Package ที่เราซื้อ เป็น Pack 3 วัน 2 คืน สำหรับว่ายน้ำกับฉลาม มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 9,999 บาท ถึง 14,999 บาท แล้วแต่เกรดที่พักระดับที่เราเลือก สามารถติดต่อหรือปรึกษาทริปโดยตรงได้ที่ line: @gotravel หรือ Maldives 1st Time ได้เลย

เที่ยวบินตรง

ต้องบอกว่าการเดินทางไปมัลดีฟ สามารถบินตรงจากไทยไปได้เลยนะ ซึ่งรอบนี้แนะนำ #BangkokAirways บินตรง 4 ชั่วโมง มีเลาจ์ให้พักในสนามบิน ทานเครื่องดื่มของกินก่อนบินได้แบบไม่อั้น เบาะกว้างขวาง แอร์น่ารัก

ที่สำคัญคือ Service บนเครื่องดีมาก ๆ ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม สามารถขอเพิ่มได้ตลอด นี่คือโหลดหนังไปดูด้านบนเลย ขาไป 3 ป๋อง ขากลับ 4 ป๋อง ฟิน ๆ ดื่มดำบรรยากาศเมาดีฟ ทั้งไปและกลับแบบฟิน ๆ

เพื่อน ๆ สามารถเช็กรายละเอียด หรือสอบถาม จองที่นั่งกับทางสายการบินโดยตรงได้ที่: https://www.bangkokair.com/flight/booking

Package Trip

รอบนี้เราเลือก Package Trip จาก Go Travel x Maldives 1st Time นะ ราคาตกคนละ 12,999 บาท เป็นแพ็ค 3 วัน 2 คืน สไตล์ Backpacker จริง ๆ มีดีกว่านั้น แต่เราคิดว่าบนเกาะท้องถิ่น พักแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว แต่คือที่เลือกเจ้านี้ เพราะกิจกรรมเค้าเต็มจริง ๆ มาดูว่าราคานี้ รวมอะไรแล้วบ้าง

  • ที่พัก Local Homstay 2 คืน
  • อาหารเช้าแบบ Buffet ทุกวัน
  • ที่พักมีสระว่ายน้ำที่ใช้กับที่พักในเครือ
  • ที่พักห่างจาก Bikini Beach เพียง 300 เมตร เดินไปได้สบายมาก
  • รวม เรือรับส่งจากสนามบิน มีคนไปรอรับ
  • เลือก Day Trip Excursion ได้ว่าอยากเจออะไร แมนต้า ฉลาม กระเบน เลือกได้เลย

และที่ชอบก็คือ จองทริปเค้า ถ้าวันนั้น อากาศไม่ดี ฝนฟ้าไม่เป็นใจ ทริปถูก Cancel สามารถ Refund ให้เราได้ 100% อีกด้วย แต่ก็คือเป็นการซื้อทริป ซื้อตั๋ว ซื้อการจัดการนะ จะไม่ได้มีมาเป็นไกด์คอยดูแลเรา คือก็ต้องจัดการตัวเองครึ่ง ๆ ใครชอบแบบนี้ แนะนำเลย ส่วนตัวเราเอง ชอบมากกกก!!!

สามารถติดต่อหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่:

ค่าใช้จ่ายทั้งทริป

เอาจริง อันนี้เป็นค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นจากทริปของเรา เพื่อน ๆ สามารถ manage ได้เองโดยอิงจากราคาเราก็ได้ ว่าอยากได้สบายกว่านี้ หรือลำบากกว่านี้ ต้องบอกเลยว่า การเดินทางของเราครั้งนี้ เป็นการเดินทางแบบกลาง ๆ ไม่ลำบาก หรือสบายจนเกินไป มาดูค่าใช้จ่ายกัน

  • ตั๋วบินตรง คนละ 20,000 บาท (หาได้ถูกกว่านี้นะ ลองดู เราจองกันแบบ 3 วันก่อนไป เลยแพง เพราะตอนแรกกะล้มทริป)
  • Package Trip 3 วัน 2 คืน คนละ 12,999 บาท
  • ค่ากินจิปาถะ คนละ 3,000 บาท

สรุปค่าใช้จ่ายต่อหัว อยู่ที่คนละประมาณ 35,000 บาท แบบกลม ๆ กรณีถ้าอยากให้ได้ถูกกว่านี้ ก็ต้องหาตั๋วถูกกว่านี้ ราคาจะลดลงประมาณ 10,000 บาท หรือเท่ากับว่า สามารถเที่ยวมัลดีฟได้ในราคาเพียง 25,000 บาท แบบรวมตั๋วแต่ได้กิจกรรมแน่น ๆ เหมือนเดิม ก็สามารถทำได้เช่นกัน จุดนี้สามารถปรึกษากับพนักงานของ Maldives 1st Time ได้เลย พวกนางพร้อมให้คำแนะนำเต็มที่

การเลือกชุดใส่

ต้องบอกงี้ ไปทะเล สีมันต้องแรงไว้ก่อน แต่สุดท้ายแล้วสีขาวยืนพื้น ใส่ได้ทุกที่จริง ๆ ในรีวิวครั้งนี้ เราเลือกชุดแนว Sport & Casual ไป เป็นของ Rvca, Billabong และ Quiksilver แบรนด์เหลือนี้เป็นเครือของ Boardrider Thailand

ซึ่งมี Shop ใหญ่สุดอยู่ที่ Mega Bangna อยากให้ลองไปที่ Shop ดูสักครั้งครับ รับรองว่าได้ของติดไม้ติดมือมาแน่นอน ทางนี้นี่แม้แต่หมวกยังเป็นของ Quiksilver เลย

อ่อ แล้วจะบอกว่าแบรนด์ในเครื่อ Boardrider ส่วนใหญ่แล้วจะใช้วัสดุ Recycle มาทำเสื้อผ้านะครับ อันนี้ผมชอบมาก ๆ เป็นการลดขยะให้โลกไปในตัวอีกด้วย สุดท้ายมาทวนกันอีกรอบ ไปมัลดีฟ สีต้องแป้ดไว้ก่อน และยืนพื้นได้ทุกสถานการณ์คือสีขาวนะครับ รับรอง ได้ภาพสวย ๆ กลับไปแน่นอน

ข้อควรรู้ก่อนเดินทาง

  1. ที่นี่ช้ากว่าไทย 2 ชั่วโมง
  2. ปลั๊กที่ใช้ บางทีก็เหมือนบ้านเรา บางทีก็เป็นอีกแบบ ฉะนั้น เอา Adapter ไปด้วย
  3. อากาศที่นั่นเหมือนบ้านเราเดะ ร้อนสัส!!!
  4. สีน้ำทะเลคือมึงจะใสไปไหน
  5. เกาะท้องถิ่นใช้เงินรูฟียาร์ ซึ่งเวลาคิดเป็นเงินไทยก็คูณสองเข้าไปเลย เช่น 15MVR = 30THB
  6. แต่ก็ยังชื่นชอบเงินดอลลาร์กันอยู่ทุกที่ ฉะนั้นจะใช้ท้องถิ่นหรือไม่ใช้ก็ได้
  7. ที่นี่ข้าวของส่วนใหญ่จะมี Green Tax และค่า Tax, Vat & Service Charge มักรวมไปในราคาสิ่งนั้น ๆ แล้ว
  8. ฉลามที่มัลดีฟ ไม่กัดคน แม้เราจะมีเลือกออกจากตัวก็ตาม
  9. เราจะเจอกับ Nurse Shark 100% โลมาก็ 100% รวมถึง Stingrays บนเกาะ Fulidhoo ด้วย
  10. แมนต้น กับฉลามวาฬ ยังต้องใช้ดวงอยู่นะ ไม่การันตีว่าจะเจอ

เอาล่ะ ทั้งหมดทั้งมวลนี้แค่จิ้ม ๆ นะ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูภาพบรรยากาศ Maldives 4 วัน 3 คืน ของไมรอบนี้กันเลย รับรองว่าพวกแกต้องอยากเก็บกระเป๋าตามรอยเราแน่ ๆ แล้วส่วนใครอยากอ่านรีวิวตัวเต็มก็ Save Link นี้รอได้เลย: xxxx จะทยอยอัพจนครบ ภายใน 7 วันหลังจากนี้ เริ่ม!!!

DAY 1 – Maafushi Welcome

วันแรกเราดิ่งตรงไปที่สุวรรณภูมิก่อนเลย ทางบางกอกแอร์เวย์ เค้ามีเที่ยวบินตรงจาก กทม. สู่มาเล่น ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น แนะนำให้ไปก่อนสัก 2 ชั่วโมง เผื่อเหลือเผื่อขาด

และทริปนี้เอง เป็นทริปพาที่บ้านไปเที่ยว พ่อแม่ตื่นเต้นมาก ถ่ายรูปกันตั้งแต่ในสนามบินยันบิน ยันไปถึงมัลดีฟเลย และที่บางกอกแอร์เวย์อย่างที่รู้ ๆ กันว่า จะมีห้องรับรองนักเดินทางด้วย ถือเป็นอีกตัวเลือกดี ๆ สำหรับสายการบินไทย ที่ไม่ว่าจะซื้อตั๋วชั้นไหน ก็มีห้องรอบรับให้

พอขึ้นเครื่องไปบอกเลยว่าสบายมาก ๆ เพราะนอกจากที่นั่งจะกว้างแล้ว ยังมีอาหารเครื่อดื่มบริการตลอดทั้ง 4 ชั่วโมงบินอีกด้วย เรียกได้ว่า เมาดิบ กันตั้งแต่อยู่บนเครื่องแล้ว

พอมาถึงสนามบิน Velena Airport ก็จะมีทีมจาก Maldives 1st Time มารับเรา ซึ่งทัวร์ที่จะมารับ ก็จะเป็นคนท้องถิ่นมารับเรานะครับ จากสนามบินไปเกาะ Maafushi เนี่ย ใช้เวลาราว ๆ 45 นาทีเลย จะบอกว่าไกล ก็ไม่ ใกล้ก็ไม่ แต่มันถึงเร็วมากเลย อาจเพราะวิวบรรยากาศข้างทาง ที่ทำให้เราเพลินจนลืมเวลาไปเลย

ตัวเรือ หากเราจะซื้อแยก จะตกที่คนละ 30 USD ครับ หรือถ้าถูกหน่อยก็จะ 25 USD เป็นราคาต่อเที่ยวนะ ตีกลม ๆ ไปก็เฉพาะค่าเรือไปกลับ 2,000 บาทแล้วนะเอ้อ ฉะนั้นซื้อเป็นแพ็คเกจ ยังไงผมก็ว่าคุ้มกว่า ที่สำคัญ ไม่เสียเวลาเลือกหาเองด้วย

ตัวเรือเป็นเรือราว ๆ 20 ที่นั่งครับ เหมือนเล็ก แต่ก็เอาอยู่ และไม่นาน เราก็ถึงเกาะ Maafushi เป็นที่เรียบร้อย ก็จะมีพนักงานมาต้อนรับเราถึงท่าเรือเลย จากนั้นก็จะมีรถมารับกระเป๋าเรา ส่วนตัวเรา ต้องเดินไปที่พักเอง

ต้องบอกว่า ตัวเกาะแห่งนี้ มีความยาวสูงสุดราว ๆ 1 km. และกว้างสุดราว ๆ 500 m. เท่านั้น จึงไม่ต้องห่วงเลยว่าจะหลงกัน เดินไปแป็บเดียวก็หากันเจอครับ ที่สำคัญตอนช่วงเดิน เราจะได้ทำความรู้จักและสัมผัสกับคน Local ด้วย

ที่พักทุกคืนสำหรับทริปนี้ เราพักที่ Stingray Beach ครับ เป็นที่พัก Tropical ที่หลับหลืบอยู่ในต้นไม้สีเขียวขจีกลางหาด ห่างจากทะเลหรือ Bikini Beach เพียง 300 เมตรเท่านั้น ที่พักน่ารักนะ ไม่แย่เลย

ตัวที่พักมีหลายห้อง มีอ่างเล่นน้ำ มีคาเฟ่และร้านอาหารในตัว มีแมว พนักงานน่ารัก ถือว่าโอเคเลยทีเดียว ถามว่าบนเกาะแห่งนี้มี Water Villa ไหม ไม่มีนะ ดีหน่อยก็จะเป็นตึกสูง ๆ พวก Triton, Arena, Kaani Beach อะไรแบบนั้น แต่แกเอาจริงป้ะ ไปทั้งที จะไปนอนบนตึกเพื่อ อยู่ กทม. ก็ได้มั้งแบบนี้

ในวันแรกเราต้องไปคอนเฟิร์มทริปตามที่ทาง Maldives 1st Time แจ้งไว้ครับ เนื่องจากว่าการออกเรือของที่นี่ จะต้องคอนเฟิร์มสภาพอากาศรายวันเลย ฉะนั้นก็ไม่ได้การันตีว่าเรือจะออกได้ทุกวัน แต่ส่วนใหญ่ก็ออกได้ ทางทีมงานเค้าเลยมีเงื่อนไขก่อนจองไว้เลยว่า หากเรือออกไม่ได้ จะ Refund ให้เรา 100%

ซึ่งตัวแพ็คนี้เอง เราจะต้องเดินไปที่ Shop ตามแผนที่ที่ให้ไว้ และไป Confirm เรือออกวันรุ่งขึ้นด้วยตนเองครับ เรียกได้ว่า Day by Day เลย ถึงแม้ว่าจะจองก่อนมาก็เถอะ ทริปจะคอนเฟิร์มได้ ก็คือคืนก่อนหน้าวันเดินทางหนึ่งคืน

ข่วงที่เราไป บริเวณ Bikini Beach เค้ามีจัดงานพอดี ก็เลยได้ไปร่วมแจมกับเค้า สนุกดีครับ แต่ก็ต้องรีบเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ มีอะไรให้ทำอีกเยอะเลย เรียกได้ว่า เหนื่อยทั้งวันชัวร์

DAY 2 – Vaavu Atoll Explore

จะบอกว่าที่พักรวมอาหารเช้าทุกมื้อนะครับ จะเป็น Buffet line แนะนำให้มาทานตอน 07:00 น. คนไม่เยอะ และทานเสร็จจะได้มีเวลาเตรียมตัวไปออกทริปครับ เพราะต้องไปจุดรวมตัวตอน 08:30 น. เพื่อที่จะไปเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งอุปกรณ์ก็จะเป็นพวก ผ้าเช็ดตัว หน้ากากดำน้ำ ชูชีพ อะไรพวกนี้ คือถ้าใคร Free Dive เป็น ก็จบเลย รับรองว่าคุ้มแน่นอนทริปนี้

แล้วคือรอบนี้ตั้งใจไปมัลดีฟเพราะสิ่งนี้เลย ปกติทริปนี้จะมีหลายแบบรวม ๆ กันครับ หมายถึง หลายเจ้าเค้าก็จะดีไซน์ต่างกัน จุดที่ไปก็อาจจะต่างกัน เช่นบางที่แวะ Fulidhoo Island บางที่ไม่แวะ บางที่พาไป เรือจม หรือการไป Sand Bank ก็อาจจะไปคนละจุดกัน ตรงนี้เองขอบอกแบบนี้ว่า ไม่ต้องหาข้อมูลอะไรแล้ว Copy ตามเราเลยก็ได้ ถ้าเลื่อนดูภาพจนจบ แล้วพบว่า สิ่งที่อยากเห็นมีครบหมดแล้วในรีวิวนี้

เอาล่ะ มาเริ่มรีวิว Day Trip รอบนี้กันเลย อย่างที่บอกว่าตัว Package ได้รวมราคาทริปดำน้ำไปด้วยแล้ว ราคาจะอยู่ราว ๆ ราว ๆ 2,999 บาท หรือตีกลม ๆ 80-100 USD มีถูกมีแพงกว่านั้น แต่ต้องค้นมาและเปรียบเทียบกันนานพอสมควร บางเจ้าราคาถูกจนน่ากลัว ก็ไม่รูว่าจะพาเราไปตรงไหน จะเจอของไหม บางเจ้าก็แพงจนงง งงว่าทำไมราคาห่างจากอีกเจ้าจัง ซึงถ้าไปกับ Maldive 1st Time ก็คือเจอชัวร์ 100% เลยเลือกไปเลย และ Support เป็นคนไทยด้วย คุยง่าย

Highlight 

  • พาไปดำน้ำกับ Nurse Shark
  • พาไปแวะเกาะ Fulidhoo เพื่อเล่นกับน้อง Stingrays
  • ทานอาหารเที่ยวแบบ Picnic Set ที่ Sand Bank ระหว่างทาง
  • แวะชมโลมา (ถ้าเกิดน้องมาเยอะ หรือมาเล่นกับเรือ ไกด์จะพาลงไปว่ายกับโลมาเลย)

สิ่งที่รวมอยู่ในแพ็คเกจ

  • ไกด์พาเที่ยว
  • ช่างภาพตามถ่ายทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ (อันนี้ดีมาก)
  • อาหาร เครื่องดื่ม ผลไม้

การยกเลิกทริป

  • จะต้องยกเลิกก่อน 12 ชั่วโมง เพื่อรับเงินคืนเต็มจำนวน
  • กรณีอากาศไม่ดี ออกเรือไม่ได้ Refund เต็มจำนวน 100%

นี่ก็เป็นข้อมูล Package นะครับ อ่านมาถึงตรงนี้ ผมว่าข้อมูลค่อนข้างครบแล้ว ครบกว่าหลายรีวิวที่ผมหาตามเน็ตแน่นอน เพราะกว่าจะหาอ่านได้ ยากมาก ๆ ถ้าพร้อมแล้ว มาดูภาพบรรยากาศแต่ละจุดกันครับ

Stingrays Beach

จุดนี้เค้าจะแวะแค่ 30 นาทีครับ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะ Fulidhoo เป็นอีกหนึ่งเกาะท้องถิ่น ซึ่งมีที่พักน้อยมาก ๆ แต่ส่วนตัวก็อยากลองมาพักดูสักครั้ง ที่นี่อยู่ Vaavu Atoll ครับ ห่างจาก Maafushi ราว ๆ 30 นาที Highlight ของที่นี่คือ น้อง ๆ กระเบนเชื่องมาก

เหมือนชาวบ้านจะให้อาหารนางครับ แล้วคือปกติเจอกระเบน กระเบนจะต้องว่ายหนีคนใช่ป้ะ ที่นี่ก็คือ กระเบนวิ่งเข้าหาเลย แล้วน้อง ๆ แต่ละตัว คือตัวใหญ่กว่าเรานะครับ ตอนผมไป เจอเกือบ 10 ตัวมาพร้อมกันแหนะ

บนเกาะสามารถปล่อยโดรนได้ครับ แต่ทางคนเรื่อแจ้งว่า ไม่อนุญาตให้เดินเข้าไปในหมู่บ้านครับ คิดว่ากลัวเราหลงแหละก็คือเก็บภาพกันสนุกมากเลย ถามว่าจะเจอน้องไปถ้าคุณซื้อทริปไป ผมบอกเลยว่า เจอ 100% ครับ

Shark Point

ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าเจอน้อง 100% ตอนแรกคิดว่าน้อง ๆ มาเอง แต่ที่ไหนได้ พวกทัวร์บนเรือต่าง ๆ เค้าจะมีอาหารมาล่อครับ ไม่มั่นใจว่าเป็นเนื้อสดหรืออะไร แต่มีเลือดด้วย ไกด์นางก็จะโยนลงท้ายเรือ แล้วผลัดคิวถ่ายรูปให้แต่ละคนครับ

ต้องบอกว่าน้องมาเยอะจริง ๆ ตอนเราไปมีเรือ 6 ลำ น้องยังแชร์กันเยอะขนาดนี้ ถ้าไปตอนมีเรือลำเดียว บอกเลยว่า ถ่ายภาพไม่เห็นคนแน่นอน ตัวน้องใหญ่ยาวเท่า ๆ เราเลย ซึ่งทางไกด์บอกว่าห้ามจับน้องนะ แต่น้องอ่ะ ชอบมาเบียดเราครับ

ใด ๆ คือตัวน้องสากมากกกกกก พยายามจะไม่โดนน้อง แต่น้องก็ชอบมาเบียดครับ บางตัวก็คือจ้องหน้ากันเลย น่ารักดี เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่ Free Dive ได้ครับ น้อง ๆ จะอยู่ที่ความลึก 5-8 เมตร แต่ก็จะขึ้นมาบนผิวน้ำทุกครั้งที่ไกด์โยนอาหารให้

สำหรับคำถามว่า มันจะกัดไหม ขอแชร์แบบนี้ครับ ก่อนลงเรือ แม่ผมหัวเข่าชนกับบันได เลือดออก และพ่อผมพึ่งผ่าตัดเย็บ 4 เข็มมา ผมเองก็ไปตีกอล์ฟนิ้วเปิด ลงไปกันทั้งสามคน กลับมาครบ 32 ทุกคนครับ ฉะนั้น ข้อสรุปคือ ฉลามมันไม่แดกคนครับ ๕๕๕๕ 

จุดนี้เค้าให้เวลาเราดำเล่น 1 ชั่วโมงเต็ม ๆ เลย หรือถ้าทั้งกลุ่มอยากได้เวลาเพิ่ม เค้าก็จะ mannage ให้ครับ แล้วค่อยไปเอาเวลาจุดอื่น ๆ ออกเอง ใครอยากว่ายน้ำเล่นกับน้อง ก็ต้องที่นี่แหละ

Sand Bank (Lunch Picnic)

ต้องบอกเลยว่า ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก คือแวะมาที่ที่สามแล้ว ชอบทุกที่เลย มามัลดีฟสามครั้ง ได้มีโอกาสมาที่นี่ครั้งแรก คือมันดีมากทุกคน มันก็กองทรายที่ถูกน้ำพัดมาเจอกันกลางทะเล มองออกไปยาวสุดลูกหูลูกตาแบบเฟียส ๆ 

จุดนี้เองทางทัวร์ เค้าจะให้เราทานอาหารเที่ยงอย่างง่ายครับ อาหารง่าย ๆ เลย แอปเปิ้ล น้ำผลไม้ น้ำดื่ม อาหารแล้วแต่วันนั้น ๆ และก็ปล่อยให้เราเล่นน้ำกลางทะเล คือช่วงที่ไปหยุดอยู่ตรงนั้นเป็นตอนเที่ยง ฉะนั้นน้ำทะเลที่เราเห็นก็จะเป็นคริสตัลครับ คือใสเหี้ย ๆ

จุดนี้เองพักนาน พอ ๆ กับฉลามเลย เพราะทุกคนเอนจอยน์มากจริง ๆ เป็นสระน้ำกลางทะเลที่แบบ ว่ายทั้งวันก็ไม่เบื่อ ใช้กล้องอะไรถ่ายก็ได้ภาพสวย ๆ กลับมาครับ และที่สำคัญ ยิ่งไปกับคนรู้ใจด้วยแล้ว บอกเลย Perfect สุด ๆ

Dolphin Watching

ก่อนกลับเค้าจะพาเราไป ว่ายน้ำกับปลาโลมาครับ แต่น่าเสียดายที่ช่วงเราไป น้ำมันไหลแรง ไม่สามารถลงน้ำได้ แต่ก็เจอน้อง ๆ ว่ายเล่นรอบ ๆ เรือเรานะครับ ซึ่งใช้เวลาดูน้อง ๆ ราว ๆ 10 นาทีเลย ก่อนที่ไกด์จะตัดสินใจพาเรากลับที่พัก

บอกเลยว่าจบทริปกลับมาถึงที่พักราว ๆ บ่ายสาม แทบสลบ เหนื่อยมาก ๆ แนะนำเพื่อน ๆ อยู่ชิล ๆ นะครับ ไม่ต้องไปหากิจกรรมเพิ่ม หรือหากแรงเหลือจริง ก็แนะนำให้ Signtseeing ดูพระอาทิตย์ตกดิน หรือเล่น Parachute เบา ๆ ก็ได้ แต่อย่าหาลงไปดำน้ำต่ออีกรอบ จะน๊อคเอา

ถึงแม้ว่าบนเกาะจะแอลกอฮอล์ไม่ได้ แต่บอกเลยว่า Vibe ที่นี่ จะทำให้เราเดินเพลิน ๆ นอนอาบแดดชิล ๆ ดูผู้คนพรอดรัก หรือดูครอบครัวดูแลกัน มันดีจริง ๆ นี่คือมัลดีฟ ที่เรียกว่า มัลดีฟ จริง ๆ

DAY 3 – SEE YOU AGAIN

ปกติแล้ว Flight บินกลับไทยจะอยู่ที่ 12:00 น. และจะถึงไทยเย็น ๆ เลย ฉะนั้นเป็นไปได้ ออกจากเกาะมาในเรือรอบแรก จะปลอดภัยสุด ซึ่งจริง ๆ รอบเรือมี 08:00, 09:00 และ 10:00 ที่จะออกมาทันกับ Flight บิน แต่เชื่อผมเถอะ เผื่อเหลือเผื่อขาด ออกรอบไม่เกิน 3 เวลาที่ผมแจ้งไปด้านบน ดูปลอดภัยที่สุดแล้ว

และนี่ก็คือการรีวิว Package Maldives 3 วัน 2 คืน บนเกาะ Maafushi ที่ผมอยากจะแนะนำครับ รีวิวหน้า เจอกัน Water Villa เลย เป็นอีกหนึ่งที่ที่อยากให้มาสักครั้งเช่นกัน สวัสดี

Leave a Reply

*