รีวิวที่พัก RAYAVADEE Krabi (รายาวดี รีสอร์ท จ.กระบี่) ควรจองหรือมองผ่าน อ่านดู!!

ถ้าให้ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยไปกระบี่ และแน่นอนว่ามีหลายคนที่ต้องไปรูททัวร์ 4 เกาะที่จะต้องผ่านถ้ำพระนาง หรือแม้แต่กระทั่งไร่เลย์ไปเดินเล่นปีนผา เชื่อไหมว่า ทุกที่ที่พูดมา ล้วนเดินอยู่ริมกำแพงบ้านของรายาวดีทั้งสิ้น

จากที่คุยกับพนักงาน ที่นี่เปิดมาเป็นเวลา 29 ปีแล้ว ณ ขณะที่ผมไปและกำลังพิมพ์รีวิวอยู่ตอนนี้นะ หลาย ๆ คนกลับมาอ่าน ตัวอายุของที่พักก็คงจะมีอายุมากขึ้น แต่บอกไว้ก่อนเลยว่า ที่นี่เค้าดูแลที่พักดีมากกกกก มีคนสวนคอยดูแลต้นไม้ตลอด พวกกำแพงที่ทำจากไม้ไผ่ ก็ Re-Novate ทุก ๆ 3 เดือน

เรียกได้ว่าพอเข้าไปเห็นภาพภายนอก ทุกอย่างสยังดูดีอยู่ บวกกับฉากหลังและสิ่งแวดล้อมรอบข้างเป็นสีเขียวแล้วด้วย ยิ่งชวนให้อยากเข้าไปสัมผัสโซนด้านในเหลือเกิน

ต้องบอกแบบนี้ว่า ตัว Location ของที่นี่ถือว่าดีมาก ๆ ติด 3 หาด ไร่เลย์ หาดถ้ำพระนาง และไร่เลย์ตะวันออก บวกกับสถานที่ท่องเที่ยวกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปีนฝา ดำน้ำ นอนหาด ถ้ำค้างคาว โรยตัว หรือแม้แต่ทะเลใน ใน Blue Lagoon ลับ ที่ชาวต่างชาติ ชอบมามากกกกกกกกกกกกกกกกก

ครั้งนี้ที่เรามา ทางรีสอร์ทเค้าทำโปร นอน 2 คืน ฟรีคืนที่ 3 พอดี ไม่จัดไม่ได้จริง ๆ ไหนจะยังได้ Upgrade ห้องพัก จาก Deluxe มาเป็น Pool Pavilion ด้วย ไม่มาได้ไง ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลย

การเดินทาง

วิธีที่ดีที่สุดที่จะมากระบี่คือการบินตรงมาลงกระบี่เลยครับ ครั้งนี้ผมบินกับ Vietjet ไม่ใช่อะไรนะ ช่วงที่ผมรีวิว Vietjet เค้ามาแรงจริง และมีรูทบินหลายรูทหลายรอบในวันเดียว ราคาตั๋วไปกลับ กทม.-กระบี่ ไม่เกิน 3,000 บาท ถือว่าโอเค

ตี้งแต่ Ground Operate ยันแอร์ และกัปตัน ทุกคนดูแลดีมาก ถามไถ่ตลอด รวมถึง กัปตันบินนุ่มมาก ทั้งตอนบินขึ้น และบินลง จริง ๆใช้เวลาไม่นานครับรูทนี้ ประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว

บนตัวเครื่องบิน เข่าไม่ติดครับ และก็พนักงานดูแลความสะอาดดีมาก นั่งเพลิน ๆ ก็มาถึงครับ ซึ่งตัวรีสอร์ทเอง ราคาเมื่อจองกับที่พัก เค้าจะมีรถรับส่งสนามบินรวมมาให้ด้วยเลย

รถตู้ของยาราวดีคือดือมาก คนขับขับนิ่ม และใช้เวลาราว ๆ 20 นาทีก็ถึงท่าเรือครับ ซึ่งรายาวดี ไม่ใช่ว่าขับรถลงไปจอดแล้วจะถึงแล้ว จะต้องนั่งเรือไปต่ออีกราว ๆ 20-25 นาที เป็นเรือของบริษัทซึ่งที่นั่งโอเคมาก โดยเราจะนั่งจากท่าเรือรายาวาดี ไปยังท่าเรือไร่เลย์ฝั่งตะวันออก

Highlight อยู่ที่ถ้าน้ำรถ เค้าจะมีโป๊ะมารอรับเรา แล้วมีรถแทรคเตอร์พ่องกับที่นั่งขับมารับกลางทะเลเลย แปลกใหม่มาก ๆ

หลังจาก ที่ไปถึงหน้าโรงแรม เค้าก็จะมี Butler ส่วนตัวมารอรับเราครับ น่ารักมาก ๆ จากนั้นเค้าก็จะเสิร์ฟด้วยน้ำมะพร้าว Cocktail หอม ๆ อร่อยมาก

ทาง Butler ก็จะแนะนำสถานที่แห่งนี้ ซึ่งต้องบอกว่าว้าวมาก เราพึ่งรู้ว่าที่นี่มี 100+ ห้อง และถึงว่าไม่เคยเห็นมุมโดรนจากนักรีวิวท่านไหนเลย เพราะตัวที่พักมันอยู่ในป่ากลางเกาะ ไม่มีทางเห็นที่พักจากด้านบนแน่นอน Amazing มาก ๆ

จากตัว Lobby มีวิธีการเดินทางไปห้อง 2 แบบ คือไปแบบ shuttle กับ เดินไป เราเลือกเดินกันไปครับ เพราะมาครั้งแรก อยากดูวิวและรอบ  ๆ ที่พัก คือเดินไปแล้วก็อึ้งไป เค้าดูแลที่พักได้ดีขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ตัวที่พักที่เป็นพวก Pavilion หรือ Villa จะมีรั้วไม้ไผ่กั้นความเป็นส่วนตัวไว้อยู่ และจะมีวิลล่า 4 หลังใหญ่อยู่ติดหาดถ้ำพระนาง

ไม่น่าเชื่อว่า สองหลังด้านในถูกต่างประเทศซื้อไปแล้ว โหหห… ฟังคร้งแรกตกใจมาก ต้องประจับใจขนาดไหน ถึงติดต่อซื้อทั้งบ้านไว้เลย แล้วก็จ้างทางโรงแรมดูแลรายวันรายเดือนไปในเรื่องความสะอาด และก็มาถึงหน้าที่พักครับ

POOL PAVILION

ครั้งนี้เราพักห้อง 11/1 เป็นห้อง Pool Pavilion เปิดประตู้ไป ภายนอกตัวบ้านจะเป็นบ้านทราง 8 เปลี่ยน แล้วมีหมวกทหารเรือหรือกะลาสีคลุมบ้านไว้อยู่ ตัวบ้าน มีสีเหลืองอ่อน ๆ และตกแต่งด้วยโทนน้ำตาล ข้างบ้านเป็นสระสีฟ้ามรกต พร้อมกับต้นไม้ใบบอนที่เขียวววววววว อุ่นตาเย็นใหญ่ไปหมด

คือเข้าบ้านไม่เข้าบ้านนะ ออกไปดูบริเวณสระก่อนเลยเพราะสวยมาก ๆ พอเข้าไปด้านในต้องบอกว่าพื้นเป็นไม้สัก ถูกดูแลอย่างดี ตัว butler ก็แนะนำโซนต่าง ๆ ของตัวบ้าน รวมถึพวกของกินเล่น snack และกลุ่ม Amenity ต่าง ๆ ที่ได้ข่าวมาว่า ที่นี่ดีมาก และเอากลับบ้านได้

เด่วพาไปดูภายในที่พักกันครับ ข้างในจะตกแต่งแบบไทย ๆ เลย พื้นเป็นพื้นไม้สักาขัดเงาอย่างดี ชั้นล่างก็เป็นห้องนั่งเล่นที่สวยอีกที่ ชั้นสองจะมีบันไดขึ้นไปข้างบนอยู่ริมด้านในตัวบ้าน จะเจอกระจกแต่งตัวก่อน จากนั้นก็จะเห็นเตียงนอนหนา 12 นิ้ว พระเจ้า ขอบอกว่านอนดูดดวิญญาณมาก

มีตู้เซฟ โต๊ะทำงาน ตู้เสื้อผ้า แต่บอกเลยว่าไม่ได้ใช้ เพราะชีวิตส่วนใหญ่แก้ผ้าอยู่สระว่ายน้ำกัน ห้องน้ำก็แบ่งสัดส่วนตามขนาดที่มีได้อย่างเหมาะสม แบ่งห้องส้วม โซนอาบ และโซนกระจกแต่งตัวได้อย่างลงตัวเลย แถมห้องน้ำยังเป็นวิวสระอีกด้วย ดีสุด ๆ

“สระที่นี่มีขนาด 3×8 เมตร และลึกประมาณ 1.5 เมตร ถือว่าโอเคทีเดียว เป็นสระน้ำเกลือครับ ตรงนี้เป็นจุดที่ผมมาพักกันบ่อยสุด”

และทางที่พักจะมีสัตว์เยอะมาก ให้ระวังกันด้วย ทั้งลิง ทั้งงู วรนุช ยุง และอื่น ๆ บอกเลยว่า มันอยู่ในป่าจริง ๆ เอาล่ะ ทีนี้ผมจะพาไปดูในจุดอื่น ๆ ที่ผมมีเวลาไปเก็บภาพมาฝากได้

BREAKFAST TIME

อาหารเช้าที่นี่จะเปิดตั้งแต่ 6:30 – 10:30 น. ทานข้าง ๆ Lobby ริมเขาถ้ำพระนาง ตัวอาหารมีทั้งไลน์ Buffet และ A la carte ซึ่งตัวว A la carte มีราว ๆ 40 เมนูรวมกันเห็นจะได้ แบ่งเป็นอาหารไทย และนานาชาติ

โต๊ะนั่งจะแบ่งเป็นโซน มีด้านในและด้านนอก ด้านในตกแต่งเป็นทรงไทย มองจากในรูปเหมือนไม่มีอะไร ต้องมาเห็นด้วยตาของตัวเอง เรื่องความพิถีพิถันและความเรียบร้อยของสถานที่ ต้องยกให้ทีนี่เลย บ้าบอ ดีงามมาก

ส่วนตรง Outdoor ก็วิวเขา วิวทะเล อาหาศดีมาก เราเลือกโซนด้านใน และสั่งอาหารมาทานกันพอสมควร และความดีงามที่ว่านี้คืออาหารอร่อยทุกอย่าง และจัดมาอย่างละเมียดละไมดีมากกกก ทุกอย่างที่เค้าเสิร์ฟมาให้ มันไม่ใช่แค่เอามาให้ทานอิ่ม แต่มันมี detail ยิบย่อยของการตกแต่งหน้าตาอาหารด้วย

อย่างเราสั่งลาเต้รอ้น No sugar เค้าก็มีการเอา Cinnamon อาบน้ำผึ้งที่ปลายวางไว้ให้เผือเราจัดการอยากได้น้ำตาลหรือความหวานเพิ่มเติม เห้ยแก มันดีมาก เป็นการทานอาหารที่ดีจริง ๆ

อ่อ.. ผมไม่มั่นใจนะ ว่าสามารถสั่งอาหารให้เด็กพนักงานไปเสิร์ฟที่บ้านพักได้หรือเปล่า แต่ถ้าให้แนะนำ มาทานพร้อมหน้าพร้อมตากันที่นี่เถอะ ฟีลกู้ดจริง ๆ เพราะแขกที่มาพักที่นี่เค้าคนคุณภาพด้วย

TENNIS COURSE & FITNESS

น้อยที่มากที่เราจะเห็นที่พักมีสนามเทนนิสในตัวถ้าไม่ใช่โรงแรมในเชนระดับห้าดาว แต่เผอิญว่าที่นี่ใช่ไงครับ เค้าห้าดาวของจริง และมากไปกว่านั้นยังมีปิงปอง สควอต และเครื่องเล่นอื่น ๆ ด้วยนะ

สนามเทนนิสที่นี่มีอุปกรณ์ให้เรายืมฟรีแบบไม่เสียเงิน บรรยากาศดีมาก ๆ อยู่ทางฝั่งไร่เลย์ตะวันออก ซึ่งติดกลับสระน้ำใหญ่ คือมันอยู่กลางป่า ติดเขา ใกล้ทะเล ตียังไงก็สนุกครับ ได้เหงื่อตอนเช้านี่ฟินสุด ๆ ไปเลย

ด้วยความที่บ้านเรามีสระน้ำ เลยไม่ได้เดินไปโซนสระกลางของที่พักเลย แต่ก็ปล่อยโดรนมาให้เพื่อน ๆ ชมบรรยากาศกันนะ ซึ่งจุดนี้เอง อยู่ใกล้กับถ้ำพระนางมาก ๆ

แต่ถ้าถามถึงห้องออกกำลังกาย ต้องบกว่าเครื่องเล่นน้อย และค่อนข้างเก่า แต่เชื่อผมเถอะว่า เค้าไม่ได้เน้นให้ออกกำลังกายในห้องแคบ ๆ หรอก เพราะด้วยตัวโลเคชั่นที่นี่ มีที่ให้ออกกำลังกายจริง ๆ บรรยากาศโดน ๆ ที่น่าสนใจกว่านั้นเอง

THE GROTTO

อีกหนึ่ง Highlight ห้ามพลาด ที่ถ้าไม่ได้มาพักที่นี่ คุณจะไม่มีสิทธิได้เข้ามาใช้บริการในพื้นที่แห่งนี้เลย ที่นี่ถูกโซนอยู่ริมผาเก่าแก่ ใต้ร่มไม้ใหญ่ มีบาร์เล็ก ๆ ที่จะเปิดสองเวลา แบบ A la carte และก็ช่วง 16:00 – 18:00 จะเสิร์ฟแต่เครื่องดื่มเท่านั้น

ตกเย็นที่นี่จะเป็น BBQ SET ให้จองก่อนมา ย้ำมาต้องจองเท่านั้น ถึงจะได้ทาน แล้วววววว… ความพีคอยู่ตรงที่วิวตรงนี้ เราสามารถเห็นเกาะปอดะ ทะเลแหวก เกาะไก่ และเกาะสำคัญอื่น ๆ ด้วยตาเปล่าเลย ดีมาก

แสงเย็นจากพระอาทิตย์ที่ตกบริเวณนี้ จะทำให้บรรยากาศที่นี่ดูน่าค้นหาขึ้นไปอีก ในกรณีที่ไม่จอง BBQ set เพื่อน ๆ จะไม่สามารถมานั่งโซนนี้ได้ จะได้แค่โซนบาร์เท่านั้น

แต่ ๆๆๆๆๆ จะบอกว่าที่ผ่านมา 29 ปี ที่นี่เค้าไม่เคยเปิดรับคนนอกเลย จนกระทั่งหลังโควิด เค้าตัดสินใจเปิดรับคนนอกด้วย แต่ต้องจองมาก่อนเท่านั้น ถือเป็นเรื่องราวที่ดีมาก ๆ ถ้ามีโอกาสไม่อยากให้ทุกคนพลาดจริง ๆ Good moment สุด ๆ

หาดถ้ำพระนาง

จุดนี้เองจริง ๆ แล้วเป็นของอุทยานนะ แต่ด้วยความที่ที่พักเรามันตตั้งอยู่ตรงนี้ มันเลยเหมือนว่ากลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวไปเสียงั้น ซึ่งบริเวณหาดพระนาง จะมีวิลล่าอยู่สี่หลัง แต่มีสองหลังถูกต่างชาติซื้อไปแล้วอย่างที่บอก มันดีขนาดไหนกันนะถึงได้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

บอกไว้ตรงนี้ว่าไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู เพราะช่วงที่เราไปมีคนเข้าพัก ไม่กล้าแม้แต่จะส่องเล่นส์เข้าไปหาบริเวณหน้าบ้านเลย แต่ช่วงที่เราไป แค่ช่วงเย็นหาดทรายก็ดูอบอุ่นน่าเดินเล่นมาก ๆ ไหนจะช่วงเช้าที่ทะเลหน้าบ้าน หาดขาวสะอาดน้ำใสขนาดนี้ ให้ตายเถอะ

และแน่นอนว่าจุดปีนฝา ก็สามารถทำบริเวณแถวไร่เลย์ หรือพระนางแถบนี้ได้เหมือนกัน สามารถจ้างพนักงานใน รร.ไป Sightseeing หรือนำทางได้เพียงคนละ 400 บาทเท่านั้น

ครัวพระนาง

ครัวพระนาง อยู่ใกล้กับถ้ำพระนางเลย เป็นอีกจุดที่ถ้าได้มาช่วงเย็น ยูจะต้องถูกตกแน่นอน เพราะบรรยากาศที่นี่เรียกได้ว่าฟ้าระเบิดโปรดมาเกิดแน่นอน

ตั้งแต่ด้านล่างยันด้านบน มีการตกแต่งแบบไทย ๆ ที่แม้แต่คนไทยอย่างเรายังต้องยกกล้องขึ้นมาแชะภาพสักใบสองใบก่อนขึ้นไปทาน บรรยากาศดี มีโซน indoor & outdoor ให้เลือก แต่แนะนำ outdoor ไปดีกว่า จะได้เสพย์บรรยกาศเสียงคลื่นได้เต็มที่

ตัวอาหารสามารถสั่งเป็นคอร์สหรือจะตามสั่งก็ได้เหมือนกัน เน้นอาหารไทยที่รสชาติจัดจ้านแต่คนต่างประเทศสามารถทานได้ เออ… มันดีตรงนี้ ไม่รู้ทำได้ไง  เอาจริง ตอนเราไปทานมีหลากเมนูมาก แต่อิ่มตั้งแต่เมนูที่สามแล้ว มันดีทั้งหมด ไม่มีจานไหนทานไม่ได้ หรือไม่ดีเลย

และที่สำคัญ ที่นี่ก็พึ่งประกาศรับคนนอกมาหลังโควิดนี่เอง เพราะตั้งแต่โควิดจะให้เฉพาะผู้เข้าพักเข้ามาทานเท่านั้น จะว่าไป หลังโควิดก็มีอะไรดี ๆ ให้เราได้เห็นเหมือนกันนะเนี่ย

จริง ๆ ตัวที่พักมีอีกหลายโซนที่เรายังไม่เดินไป มันใหญ่มาก ๆ ตั้งอยู่สัก 2-3 คืน ถึงจะเต็มอิ่มกับที่นี่ ได้ผ่อนคลายลาโลกแบบจริง ๆ เป็นอีกที่ที่ผมรรัก และอยากกลับไปอีกมาก ๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะไปอีกเร็ว ๆ นี้ และรอบหน้า จะเก็บมาทุกโซนให้เพื่อน ๆ ที่กำลังสนใจ หรือไม่มีโอกาส ได้เห็นภาพ และสัมผัสกันในแง่มุมของการแชร์ประสบการณ์ของพวกเราในครั้งนี้

เอาเป็นว่ารีวิวรอบนี้ก็ขอจบไปด้วยภาพสวย ๆ หลากใบที่ถ่ายไม่ยั้ง เต็มบทความ สำหรับทริปหน้าเราจะพาไปที่ไหน ไว้เจอกันระหว่างทางนะครับ

Leave a Reply

*