รีวิวกินเที่ยว “เกาะสมุย” 3 วัน 2 คืน แบบบินตรงลงเกาะเลย!!!

ต้องบอกว่า นี่คือการมาเที่ยวสมุยในรอบ 10 ปี จริง ๆ จะเรียกว่าเที่ยวยังไม่กล้า เพราะปกติ มาแล้วก็ไป เกาะนี้เป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น รอบนี้รเลยตั้งใจอยู่ยาว ๆ หน่อย เลยอยากจะแนะนำเพื่อน ๆ หลายคนที่มีเวลาสัก 3 วัน 2 คืน มาลุยสมุยในแบบฉบับของพวกเรา 

DAY 1 

07:25 – บินตรงสู่เกาะสมุย ด้วยสายการบิน Bangkok Airways 

08:20 – รถจาก ที่พักมารับ ทริปนี้เราพักกันที่ Nikki Beach Koh Samui 

09:30 – ฝากของที่รีสอร์ท แล้วเช่ามอเตอร์ไซต์ ขับรถชมน้ำตกหน้าเมืองสอง 

12:00 – แวะทานอาหารกลางวันร้านท้องถิ่น โกโจ๊ก อร่อยมาก 

14:00 – Check in พักผ่อน ชมบรรยากาศในที่พัก 

18:00 – Dinner Set 

DAY 2 

08:00 – Breakfast  

10:00 – Overlap Stone 

11:00 – หินตาหินยาย 

14:00 – Working Out 

15:00 – Spa 

16:00 – Chill at Resort Nikki Beach 

17:00 – Dinner 

DAY 3 

11:00 – Check out 

14:25 – Flight to BKK 

บอกก่อนเลยว่า ทริป 3 วันนี้ ไม่มีวันไหน ฝนไม่ตก และลมแรงทุกวัน เดี๋ยวเรามาเริ่มชมภาพและบรรยากาศตั้งแต่วันแรกกันเลยดีกว่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปเริ่มต้นที่สนามบินกันเลย 

DAY 1 – Check in 

รอบนี้เราบินตรงโดยใช้สายการบิน Bangkok Airways ชื่อนี้ไม่ต้องพูดเยอะ เค้าการันตีมาตรฐานอยู่แล้ว ทั้งบริการ และเรื่องความเอาใจใส่ของพนักงาน ตั้งแต่ภาคพื้น ยันไปถึงบนเครื่องเลย ดูแลเราดีมาก ๆ ซึ่งก็อย่างที่รู้ว่าสายการบินนี้ เป็นสายการบินเดียวที่บริการเลาจ์ก่อนบิน 

ตัวเลาจ์เอง ก็จะมีอาหารและเครื่องดื่มบริการด้วย เมนูที่มีชื่อเสียงที่ใคร ๆ ก็ห้ามพลาด ก็คือข้าวต้มมัด พลาดไม่ได้จริง ๆ เพราะรสชาติอร่อยมาก ๆ นอกกนั้นก็จะเป็นอาหารสำหรับมื้อรองอย่างแซนวิช ขนมนมเนย กาแฟ และเครื่องดื่มต่าง ๆ ให้เราได้ทานกัน ความน่ารักอยู่ตรงที่วันไหนเราทานเพลิน ๆ จะมีพนักงานประกาศเรียกให้ขึ้นเครื่องภายในเลาจ์ด้วย เรียกได้ว่า ยังไงก็ไม่ตกเครื่อง เพราะการมาเลาจ์แห่งนี้ เหมือนมาเช็คอินแล้วอย่างไรอย่างนั้น จาก กทม. ไปเกาะสมุย ใช้เวลาเพีย 50 นาที มีราคาแพงหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่ามาก ๆ กับเวลาที่เราจะเสียใจ ถ้าไม่บินตรงมาสมุย จะเดินทางอย่างไรน่ะหรอ 

  1. ขับรถมา จาก กทม. มาถึงท่าเรือ แล้วนั่งเฟอร์รี่ข้ามมา ตัวนี้ประหยัดสุด แต่ก็จะเสียเวลาสุด 
  2. บินมสาลงสุราษฯ แล้วนั่งรถต่อมาท่าเรือ จากนั้นก็ข้ามฟากมา ตัวนี้จะเสียเวลารอง และเผลอ ๆ ค่าใช้จ่าย ก็จะพอ ๆ กับการบินตรงมาลงสมุยกับ  Bangkok Airways อีกด้วย 

ก็ลอง  Weight ดูแล้วกันว่าสะดวกแบบไหน แต่เอาเป็นว่า หลังจากที่เท้าเราแตะเกาะสมุยเป็นที่เรียบร้อย ต้องบอกว่า เกาะนี้สนามบินน่ารักมาก เรียกได้ว่าน่ารักที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ 

จะมีรถ Buggy มารับเป็นสิบ ๆ คัน เทียวจนผู้โดยสารหมดเครื่อง ช่วงรอกระเป๋าอาคารก็น่ารัก ทุกอย่างมันตะมุตะมิไปหมด และพอเดินออกไปจากอาคารโดยสาย ก็จะเห็นพนักงานถืป้าย PALAPILII มารับเรา 

ต้องบอกว่า รร.ทุกที่บนเกาะสมุย ส่วนใหญ่ ค่าที่พัก  จะรวมบริการรับส่งสนามบินหรือท่าเรือเรียยร้อย ไม่ต้องห่วง จากสนามบินเกาะสมุย ไปที่พัก Nikki Beach Resort Koh Samui ใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้นครับ ไม่นานเราก็เดินทางมาถึง 

พอเราเดินทางมาถึง สิ่งแรกที่เราทำคือเช่ามอเตอร์ไซต์ เพื่อขับไปยังจุด Highlight แรกของทริป นั้นก็คือ Rock Pool บนน้ำตกหน้าเมือง จุดนี้เองจะต้องขับไปทางขวาของโรงแรมราว ๆ 15 นาที แล้วจะต้อง trekking + Climbing อีก 15-20 นาที เพื่อขึ้นไป 

พอไปถึงคือแอบตกใจนิดหน่อย เพราะสถานการณ์ไม่เหมือนตอนที่เคยมาตอน 10 ปีก่อน ล่าสุดที่มาคือคนน้อยมาก ไม่มีการเรียกเก็บค่าขึ้นหรือมีรถ 4×4 อย่างแต่ก่อนที่พาขับขั้นมา แต่ก็ดี ทำใหเราสามารถขับรถไปใกล้จุดขึ้นน้ำตกได้ง่ายขึ้น ซึ่งแต่ก่อนไม่อนุญาตให้ขับรถเข้าไปนะ  

เดิน… ใช่ หลังจากนี้ต้องโดน เราได้ยินเสียน้ำตกอยู่ไกล ๆ มองขึ้นไปก็ร้องโหหหห…. มันดูสุงนะ แต่คิดว่าไม่มาก แต่ตอนเดินนั่นแหละ ถึงรู้ว่าแม่งโคตรชัน เหี้ย ชันมากมึง ยุงเยอะด้วย 

บางช่วงถึงกับต้องมีเชือกที่ผูกไว้ให้นักท่องเที่ยวไต่ขึ้นไป เอางี้เลยดีกว่า มีชั้นทำทรงเป็นบันไดปูนให้ได้เดินสะดวกขึ้น ทุลักทะเลอยู่พอสมควร จนกระทั่งเดินไปถึงจุดหนึ่ง มองไปทางขวา แล้วแบบ… เห้ย มันต้องใช่ที่นี่แน่ ๆ และใช่… มีคนขึ้นมาก่อนเราจำนวนหนึ่งแล้ว เค้ากำลังนอนแช่ใน Pool Rock ที่เราตั้งใจจะมานั่นแหละ 

อ่ะ… จะอธิบายบรรยากาศให้ฟังคร่าว ๆ คือมันก็จะมีน้ำตกในส่วนที่เราสามารถเล่นได้ เรียกว่าลงไปให้นวดเลยดีกว่า แล้วด้านบนก็สามารถเห็นวิวเกาะสมุยแบบเบา ๆ ได้อย่างสบายตา มีหาดลิปะน้อยและเขาน้อยใหญ่ให้เราได้ชมวิวกัน ในส่วนของ Highlight ก็จะเป็น Rock Pool เลย 

ตัว Rock Pool เราชอบมาก น้ำเย็น สบาย เหมือนอ่างอาบน้ำส่วนตัว ที่แค่ชะโงกหน้าออกไปก็เห็นวิว ภูเขาและทะเล คือมันดีเกินคำบรรยาย ต้องมาด้วยตัวเองจริง ๆ เอาล่ะ ขอตัวไปฟินก่อนละกัน 

หลังจากนั้นผมก็ขับรถกลับไปที่โรงแรม ระหว่างกลับก็พยายามหาร้านอาหารท้องถิ่นที่ไม่แพงและสามรถเข้าถึงได้ง่าย ขับช้า ๆ ตามหาเรื่อย ๆ จนมาเจอร้านหนึ่ง ชื่อร้านโกแจ๊ค 

มองจากหน้าร้านดูไม่ธรรมดาเลย จึงไม่แปลกที่จะตัดสินใจเข้ามาร้านนี้ เอาใบเมนูมาดู ก็เห็นว่ามีเมนูอาหารทะเลและอาหารพื้นบ้านเยอะเลย รวมไปถึงเมนูที่ไม่คาดว่าจะมี นั่นก็คือ ฉลามครีบดำ 

เอาล่ะ… ไม่เคยกิน ก็เลยลองสั่งทาน เราสั่งอาหารมาประมาณ 3-4 อย่าง ไม่นานนัก อาหารก็มาวางอยู่ตรงหน้า หน้าตาของน้องฉลามครีบดำ เหมือนปลาสวายหั่นแว่นอย่างไรอย่างนั้น จานนี้เจ้าของร้านแนะนำให้สั่ง เป็นฉลามครีบดำผัดฉ่านะทุกคน 

** เคสนี้เป็นวิธีชาวบ้าน ไม่ได้เกิดจากการจงใจหรือตั้งใจล่าสัตว์อนุรักษ์ เพื่อให้ได้มาซึ่งอาหาร ** 

Texture แรกที่สัมผัส เห้ยยยย… มันดีมากกกกทุกคน นี่ขนาดว่าผ่านการฟรีชมาแล้ว แต่เนื้อยังนุ่ม กลิ่นยังดี ความคาวถูกเครื่องเทศเครื่องแกงกลับหมด เหลือแต่ความอร่อย แล้วคือเจ้าของร้านให้เนื้อมาเยอะมากกกกกกกกกกกกกก 

เราใช้เวลาทานจนอื่มแบบไม่สามารถ ทานหมด และบอกลาลุงป้า ถ้ามีเวลาได้กลับมาอีกแน่นอนร้านนี้ จากตัวร้านไป Nikki Beach ราว ๆ 5 นาทีเท่านั้นครับ เอาล่ะ เดี๋ยวเรา Check in แล้วเข้าไปดูห้องกันคร่าว ๆ ก่อนเลย 

ที่นี่ห้องพักจะแบ่งเป็น 3 โซนหลัก ๆ โซน Gerden, Access Pool และ Pool Villa นอกนั้นก็จะเป็นโซนอำนวยความสะดวกและรื่นเริงต่าง ๆ ทั้งบาร์ อาหาร สปา ฟิสเนส เรียกได้ว่า เครือนี้เค้าเน้นปาร์ตี้แหละ แต่เราไปช่วงมรสุม เสียดายมาก 

ครั้งนี้เรานอนห้อง Villa ครับ ซึ่งมีแค่ 2 ห้องทั้งโรงแรม ห้องที่เราพักเป็นเบอร์ V2 พื้นที่ห้อง 300 ตารางเมตร มีสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่นแบบเป็นบ้านแยกไปเลย มีซาวน่า มีสระส่วนตัว ที่สำคัญ ติดทะเลเลย ทุกอย่างในห้องดีมาก 

พวก Amenity ก็ใช้ของ Bvlgari อาหารเช้าเป็น a la carte ที่เรียกได้ว่าจัดใหญ่จัดเต็มมาก ๆ เดี๋ยวเรื่องห้องพักจะต้องลงรายละเอียดแยกเลย เพื่อน ๆ สามารถตามอ่านได้ที่ www.palapilii.com

คืนนี้เราไม่ได้ไปไหนครับ ห้องพักเราสบาย เรานอนพักก่อน เพราะพรุ่งนี้ จะต้องเช่ารถขับไปทางเดิมนั่นแหละ แต่ไกลกว่าเดิมนิดหน่อย ไปโซนหาดละไม เราจะไปเขาหินซ้อน และหินตาหินยายกัน คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ 

DAY 2 – Sightseeing Koh Samui 

ไปกันแบบเร็ว ๆ วันนี้ช่วงเช้า เราจะไปที่เขาหินซ้อนครับ ส่วนช่วงบ่ายเราจะไปหินตาหินยายกัน ต้องบอกว่าเขาหินซ้อนเป็นจุดที่ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เนื่องจากว่ามารอบนี้ กะจะมาพักผ่อนเฉย ๆ แต่เมื่อวานที่เจอต่างชาติด้านบนน้ำตก มีโอกาสคุยกัน และแชร์เรื่องราวกัน 

เค้าก็ถามว่ายูไป Overlap Rock มายัง เราก็บอกขอดูหน่อย อ้าวววว… มันคือที่ที่ผมอยากจะมานานแล้วนะ แต่ไม่มาสักที แล้วก็ลืมไปแล้ว ว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้อยู่ จึงไม่แปลก ที่จะรีบจัดเวลาแทรกกิจกรรมนี้เข้ามาในทริปด้วย 

หลังจากเราทานข้าวเช้าเสร็จวันที่สองของทริป เราก็ขับมอเตอร์ไซต์ไปเลยครับ ไม่มั่นใจว่าผมบอกไปยัง ว่าผมเช่ารถต่อจากทางโรงแรมเลย ในราคา 250 – 350 บาท แล้วแต่มอเตอร์ไซต์ที่เราเลือกนะ ขับสนุกดี ปลอดภัย ใช้เอกสารอย่างเดียวคือบัตรประชาชนแบบไม่ต้องมีเงินมัดจำ 

จากรีสอร์ท ใช้เวลาราว ๆ 30 – 45 นาทีครับ จริง ๆ มันไม่นานขนาดนี้ ถ้าใช้รถยนต์ หรือฝนไม่ตก แต่ด้วยความปลอดภัย เราเลยขับช้ามาก ๆ นั่งคุยกัน กินลมชมวิวกันไปเรื่อย ๆ  

เค้าบอกว่าทางขึ้น Overlap Rock ชันมาก ๆ เราก็คิดว่ามันจะเท่าไหร่กันเชียว ก็เที่ยวมาหลายประเทศ แต่พอเริ่มขึ้นเขาจริง ๆ เห้ย น่ากลัวว่ะ ทางชันมาก อันตราย แต่ระหว่างที่กำลังลุ้นกับทางข้างหน้า ก็มีชายแก่มาโบกรถเรา บอกว่า จอด ๆๆ 20 บาท ขึ้นไปอันตราย 

เอาจริง… มึงงงงง คนไม่เคยมาอย่างกูอ่ะ ก็จอดป้ะ เด่วไปทำอะไรผิดที่ผิดทางคนพื้นที่ ก็ต้องจอด พอจอดเสร็จ กูก็คิดว่าถึงแล้ว แต่ไม่ มันเป็นเขาหินงูตรงนั้น ต้องเดินไปอีก ราว ๆ 300-400 เมตร ถึงจะถึง Overlap Rock แล้วคือเกิดความสงสัยว่า… ให้จอดทำไม ในเมื่อมันก็ขับรถขึ้นไปได้ 

ระหว่างเดินก็สองจิตสองใจจะกลับลงไปเอารถ แต่ก็อะ ไหน  ๆ ก็จอดแล้ว ลงเดินก็ได้ มึง… ทางชันจริง ชันแบบ เห้ยยย อันตรายอ่ะ มันเอียงแบบเกิน 45 องศาได้มั้ง ก็คือถ้าซ้อนสอง ไม่ไหวชัวร์ ล้ม ใจหนึ่งก็คิดว่าดีแล้วที่จอดตรงนั้น แต่อีกใจก็คือ เค้าทำแบบนั้นมันถูกต้องแล้วหรอวะ เข้าใจป้ะ มันเหมือนไม่ชัดเจน ไม่ถูกไม่ควรอ่ะ 

ยังไม่จบ พอเดินไป ก่อนเข้าเขาหินซ้อน มียายแก่เก็บค่าเข้าอีกคนละ 50 บาท มึงงงงง คือแบบได้เงินง่ายมาก อย่างเราไปสองคนก็ได้ 100 บาทาแล้ว วันหนึ่งกูว่ามีคนมา 100 คน ตีเป็นตัวเลขกลม ๆ วันละ 5,000 บาท ถ้าหนึ่งเดือนก็คือ 150,000 ต่อเดือน แบบนี้หน่วยงานสักอย่างควรเข้ามาตรวจสอบไหมนะ แล้วคือ กรณีที่เขาเป็นเจ้าของเองอ่ะ กรมสรรพกรก็ควรตรวจสอบอย่างเคร่งครัด เพราะการได้เงินเดือนละ 150,000 นี่คือเท่ากับว่ามีเงินได้เกินระดับบุคคลธรรรมแล้วนะ ต้องเป็นบุคคลที่ต้องเสีย Vat 7% พร้อมกับภาษีขั้นบันไดปกติด้วย คนทำงานอย่างเรา รู้สึกไม่แฟร์ หากเขาหาเงินง่ายแบบนี้ 

กลับมา จะไม่พูดถึงดราม่าที่คิดได้ แต่หินซ้อนมันก็สวยของมันจริง ๆ การตกแต่งเดียวที่มีคอการทำทางเดินเพื่อให้สามารถเดินไปยังหินซ้อนง่ายขึ้น ซึ่งก็ทำได้อย่างไม่น่าเกลียดเลย แต่เอาจริง ควรเป็นไม้มากกว่า จะได้กลมกลืนไปกับธรรมชาติด้วย แล้วก็เรื่องสิ่งที่ไม่คาดคิด มีแน่ รบกวนหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบด้วย แผ่นปูนอะไรพวกนี้สร้างจากชาวบ้าน ไม่ได้เกิดจากการเซ็นรับรองโครงสร้างของวิศวกรฯ ฉะนั้นถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมา คนซวยคือนักท่องเที่ยว เจ้าของที่คงไม่รับผิดชอบอะไร เพราะจะตีตกเป็นอุบัติเหตุไป 

และนี่คือ Overlap Rock หรือเขาหินซ้อน เกาะสมุยครับ สวยงามมาก ยิ่งมีโดรนด้วยยิ่งดีเลย ก็ถ่ายภาพกันได้สวยอยู่ และแนะนำให้หาเสื้อสีแป้ด ๆ ไปนะ จะได้ถ่ายรูปออกมาสวยและสดใจกว่าของผม 

ต่อจากตรงนั้นถ้าระยะกระจัดคือห่างกันไม่เกิน 2 กิโลเมตร นั้นก็คือหินตาหินยาย จริง ๆ เราก็ไม่เชิงไปเองหรอก เราปล่อยโดรนไปเลย เพราะมันใกล้กันมาก ๆ เอาจริงเราเคยไปกันมาแล้ว และไม่อินเท่าไหร่ เค้าก็แค่หินตาหินยาย และมีคนสร้างประวัติและเรื่องราวให้ดูมีกิมมิก 

ถ้ายังไม่เคยไปก็ควรไป แต่ถ้าเคยไปอยู่แล้วอยากไปอีกก็ไม่ว่ากัน ซึ่งเจ้าหินตาหินยายก็นั้นก็จะมีรูปร่างของหินคล้ายกับอวัยะของเพศผู้และเพศเมียอะไรแบบนั้น ก็สามารถดูจากภาพที่เราถ่ายมาคร่าว ๆ ได้เลย 

จริง ๆ สมุยทะเลสวยเหมือนกันแฮะ นี่ขนาดเราไปช่วงมรสุมนะเนี่ย น้ำทะเลยังสวยขนาดนี้ แต่แปลกเหมือนกัน ที่ตอนถามชาวสมุย ส่วนใหญ่ชาวสมุยกลับชอบทะเลบ้านตัวเองเป็นหน้าฝน ก็คงจะเขียวชุ่มชื่นไม่ร้อนจนเกินไป ถ้านึกภาพทางราดยางร้อน ๆ ตอนขับมอเตอร์ไซต์ ก็คงปวดร้าวไม่น้อยเหมือนกัน 

เย็นนี้เรากลับมาชิลเอ้าท์กันที่บาร์ในโรงแรมครับ ซึ่งคนนอกก็สามารถเข้ามาได้นะ เพราะเค้าเปิดรับคนนอกด้วย แต่วันนี้ฝนตกอีกแล้ว ร่มถูกหุบ เครื่งอเล่นดีเจพัง เบาะมีน้ำค้างเอ่อ ลำโพงถูกคลุมกันฝนเรียบร้อย อ่ะ เอาหน่อย ขอเอา Vibe เบา ๆ ก่อนกลับแล้วกัน 

ตอนกลางคืนที่นี่ก็สวยไปอีกแบบนะ เป็นที่ที่โรแมนติกอีกที่เลยก็ว่าได้ ยิ่งนอนห้อง V2 เหมือนเราแล้วก็เริศไปเลย สำหรับคืนนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ 

DAY 3 – Best Airport in Thailand 

วันสุดท้ายเราตื่นนอนมาพร้อมกับ Floating Breakfast เก๋ ๆ เล่นน้ำคลายเหนื่อยของเมื่อวานไป เพราะเมื่อวานตระเวณอยู่นอกโรงแรมยาวเลย วันนี้มีนัด 10:00 เช้า สปาตัวครับ 

สปาขอรีสอร์ท ต้องบอกว่าดีสุด หรือเพื่อน ๆ จะไปสปาตามแหล่งต่าง ๆ รอบเกาะก็ได้ เพราะการสปาบนเกาะหรือริมทะเล ฟีลจะไม่เหมือนเราอยู่ในเมืองแล้วนวด แล้วครึ่ง อยู่ใกล้ทะเลเหมือนจิตใจเรามันจะโล่งไปโดยปริยายแล้วบวกกับความเป็นมืออาชีพของพี่ ๆ แล้วด้วย คือฟิน 

ไม่น่าเชื่อว่ามีช่วงที่นอนกรนด้วยแฮะ อันนี้แฟนผมแอบกระซิบมา ก็นั่นแหละ พี่เค้านวดดีจริง และดูแลดีตั้งแต่รับเรายันส่งเราเลย นี่คือ Nikki beach ที่เราจะกลับไปพักอีกแน่นอน 

ถึงเวลากลับบ้านเค้าก็จะมีรถมารับเราครับ วันนี้อยากแนะนำสนามบินสมุยมาก ๆ น่ารักสุด ๆ คือการออกแบบ โครงสร้างต่าง ๆ จะเหมือนอยู่เมืองคนเกาะจริง ๆ  

มันดูดี มันสวย มันชิค มันคูล พูดแบบนั้นได้เลย แล้วคือพอเข้าไปโซนด้านใน ร้านอาหารพวกนี้ก็ดูดีมีสไตล์อีก ความเว่อร์คือมีบีนแบ็กในสนามบินนี่แหละ มันเกินไปไม่แก กะให้นอนอาบแดดก่อนกลับกันเลยหรือยังไง และความเด็ดคือ อาหารไม่ใช้แอร์นะครับ เป็นลมอากาศธรรมชาติ 100% 

แน่นอนว่า Bangkok Airways เค้าก็มี Lounge รองรับ อาหารก็คือน่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทานได้ไม่อั้น ขากลับก็มีรถ Buggy มารับเราไปขึ้นเครื่อง เป็นอีกทริปที่น่าประทับใจมาก ๆ ครับ สมุยรอบเดียว ไม่พอแน่นอน แล้วเจอกันระหว่างทางครับ  

Leave a Reply

*