แบกเป้เที่ยว “เกาะหมาก” 3 วัน 2 คืน ด้วยเงินคนละ 3,500 บาท

{"uid":"27477394-B23C-46F8-9D91-C8D3247B6749_1629245918164","source":"other","origin":"gallery","total_draw_actions":19}

เอาจริงง… ได้ยินคนพูดถึงเกาะหมากว่าสวยอย่างงั้นสวยอย่างงี้เยอะมาก แต่ไม่มีโอกาสได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองสักที ครั้งนี้เลยตั้งใจที่จะไปเกาะหมากเอาให้เห็นกับตาสัก 3 วัน 2 คืน โดยทริปนี้ก็ไม่ได้ฟิกซ์คอร์สอะไรมาก แต่ถ้าไปแล้วเจอที่พักราคาถูกหรือเหมาะสม ก็ดีไป…

แผนการเดินทางคร่าว ๆ ของเราค่อนข้างที่จะต้องเก็บให้หมดโดยใช้เวลา 3 วัน 2 คืนนี่แหละ ซึ่งจุดแต่ละจุดที่เราวางหมากไว้ มีดังนี้

DAY 1

  • เรือข้ามฟากไปเกาะหมาก
  • เช่ามอไซต์แล้ววนหาที่พัก
  • Check in
  • แหลมตุ๊กตา
  • ถ่ายสะพานสู่ฝัน
  • The Mak Cafe
  • นั่งชิลที่ Blue Pearl Bar

DAY 2

  • ข้ามฝั่งไปเกาะขามแต่เช้า
  • กลับมาเกาะระยั้งนอก
  • ถ่ายภาพทางเข้า The Lazy Resort
  • Banana Sunset Bar

DAY 3

  • เดินทางกลับ

แผนวางไว้อย่างสวย ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า มาเริ่มกันเลย ทริปนี้ เราติดต่อจองเรือ เรือข้ามฟาก และที่พักต่าง ๆ ผ่าน GoTravel เจ้านี้เค้าดูแลเกาะหมากแทบจะทั้งหมดเลย เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปดูกิจกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติมในเว็บ https://gotravel.in.th หรือจะไลน์ไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไลน์: @gotravel

DAY 1

ค่าเรือไปกลับคนละ 900 บาท ใช้เวลาเพียง 50 นาที ก็เดินทางถึงเกาะหมากแล้ว ระหว่างทางเพื่อน ๆ จะได้เห็นเกาะช้าง และเกาะอื่น ๆ ด้วย ซึ่งถ้าดูในแผนที่ จะเห็นว่า เกาะพวกนี้อยู่ใกล้กันมาก ที่นี่เค้าใช้เรือ Speed Boat เน้อ ไม่ใช่เรือเฟอร์รี่ลำใหญ่ ฉะนั้นเลยทำให้เราสามารถย่นระยะเวลาการเดินทางได้เกือบครึ่งชั่วโมงเลย

พอไปถึงที่พัก จริง ๆ ถ้าเกิดเพื่อน ๆ จองที่พักมาก่อนหน้า ก็จะมีรถของที่พัก มารอรับเราที่ท่าเรือ แต่ขอบอกก่อนว่า ครั้งนี้เราไปแบบอยาก walk in คือถ้ามีที่ไหนว่าง ก็นอนที่นั่น อะไรประมาณนั้น

หลังจากไปถึง ผมกับแฟนก็ Backpack แล้วเดินหาร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ครับ โชคดีที่อยู่ไม่ไกลมาก และด้วยสัญชาตญาณ Backpacker เราพอจะเดาได้ ว่าของพวกนี้ บนเกาะ มันต้องมีใกล้ ๆ ท่าเรือแน่นอน มอไซต์ เราเช่าวันละ 250 บาท 2 วันก็ 500 ครับ เติมน้ำมันไปอีก 1 ขวด ขวดละ 50 บาท แค่นี้ก็น่าจะพอ หลังจากนั้น ก็ฝากกระเป๋าไว้กับพี่เจ้าของร้าน เพื่อที่จะขับ Survey หาที่พัก เชื่อไหมว่าขับไปราว ๆ เกือบ 1 ชั่วโมงเลย กว่าจะเจอที่ที่ถูกใจ และด้วยความที่เราอยากจะไปหลายที่ เรารู้ว่าเราไม่ค่อยใช้ Facilities ของที่พักเยอะ เราก็เลยเลือกที่พักที่ไม่แพง เอาแค่พอนอนได้ก็พอ

ที่นี่คือ Hanoii House ครับ 2 คืน ตกคืนละ 800 บาทเท่านั้น ที่พักอยู่ใกล้ท่าเรือ อยู่ใกล้ Coco Cape อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวของเกาะเลย จริง ๆ ก็แนะนำที่นี่เลยนะ ที่พักโอเคเลย ไม่แย่ เหมาะสมกับราคา หลังงจาก Check in เสร็จ เราก็ไปเก็บสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ที่ได้แพลนไว้ทันที ไปดูกัน!!

แหลมตุ๊กตา

แหลมตุ๊กตาเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยไปกันครับ เพราะดูจากภาพรีวิวก่อนหน้า เหมือนจะไม่มีอะไรที่น่าดึงดูด แต่ไม่หรอกน้า เราไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่ามันจะไม่มีจุดที่สวย เราขับรถไปทางปลายสุดของฝั่งตะวันตก เออว่ะ… เอาเข้าจริง ๆ หรือมันเหมาะที่จะมาดูพระอาทิตย์ตกดิน แต่ก็ไม่ได้อีกแหละ เพราะทางที่มาอ่ะ อันตรายมาก

ระหว่างขับรถมาเรื่อย ๆ เราจะสังเกตุเห็นได้เลยว่าทางเค้าแย่มาก พื้นทรุด ต้นไม้โผล่มากินพื้นที่ของถนน บวกกับที่ตะไคร่ลื่น ๆ บางจุด นี่เองเป็นตัวแทนที่บอกได้ว่า คนมาที่นี่น้อยมาก

และพอรถจอด สิ่งที่เราตกใจคือ แม่งจะต้องเดินขึ้นเขาไปอีก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเดินไปไกลไหม ไม่มีป้ายบอกทางหรืออะไรทั้งนั้น เราเลยตีรถกลับเลย ถุย!! ไม่ครับ เรายิ่งอยากรู้และตัดสินใจเดินขึ้นเนินเขาไปอย่างด่วนจี๋เลย ไม่นานนัก เราก็เจอทางลง ระหว่างทางสิ่งที่พบเห็นอยู่อย่างหนึ่งคือ ต้นไม้ที่นี่ค่อนข้างแปลกครับ แต่สวยนะ และพอเราไปถึงบริเวณแหลมตั๊กตานั้น…

โหหห.. ขยะ พระเจ้า คือถ้าจะไม่ให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้วก็อยากให้คนที่ดูแลพื้นที่สั่งห้ามเข้าที่นี่เลย ดูแย่มาก ๆ อันนี้ขอติ ถ้ามีหน่วยงานไหนบนเกาะผ่านมาเห็นบทความนี้ รบกวนจัดการกับสิ่งเหล่านี้ด้วยครับ มันทำให้เกาะหมากดูแย่ มาก ๆ

เราพยายามช่างมันกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า และเดินเลยลงไปในทะเลเพื่อไปเก็บภมพ เอออ.. มันก็สวย มันไม่แย่  แถมยังมีคนมาตกปลาแถวนี้ด้วย ถ้าเกิดไม่มีขยะ มันคงจะดีกว่านี้ สำหรับเพื่อน ๆ ที่อ่านมาถึงตรงนี้ แนะนำว่าอย่าพึ่งมาที่นี่ จนกว่าคนที่มีความเกี่ยวข้องบนเกาะ จะจัดการกับปัญหานี้ให้แล้วเสร็จได้ครับ เพราะนอกจากทางมาจะอันตรายแล้ว ยังต้องมาเจอกับเศษขยะไม่พึงประสงค์พวกนี้ด้วย เหนื่อยใจ

สะพานสู่ฝัน

สะพานสู่ฝันจะอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือครับ เป็นพื้นที่ของโรงแรม Cinamon Art มีค่าเข้า 50 บาท จะอยู่ทั้งวันเลยก็ได้ ตัวสะพานเองทำจากไม้ ยื่นออกไปทะเลยาว 800 เมตร ช่วงที่ไปเจอคุณน้าผู้ดูแลท่านหนึ่ง เราจึงสอบถามเค้าว่าทำไมถึงชื่อสะพานสู่ฝัน น้าแกก็บอกว่า หนูลองเดินไปดูเองสิ

โหหหห… แอบขายนะ แต่รู้สึกว่าได้ impact มาก พอได้เข้าไปเดินอยู่บนสะพานจริง ๆ ต้องบอกว่า ไกลมาก มันสุดลูกหูลูกตา มันคงเหมือนการเดินทางไปตามความฝันที่แม่งก็เห็นตรงหน้าว่ามันสวย แต่ระยะทางกว่าจะไปถึงเนี่ย ไม่ใช่ย่อยเลย 800 เมตร กับสะพานไม้ที่มีร่องมีรูเห็นทะเลด้านล่าง และแดดร้อน ๆ ที่แผดเผาเราตลอดเวลาที่เดิน

โชคดีหน่อย ที่ระหว่างทางเดินมีศาลาให้พัก มีเปลให้นั่ง มีแคร่ให้นอน ได้พักถ่ายรูปให้พอลืมร้อนลืมหนาวไปบ้าง แต่เอ้อเว้ย ภาพที่ออกมาก็สวยไม่เบา แล้วตอนที่เราไป ช่วงนั้นน้ำมันลดพอดี พอน้ำลดก็ทำให้เราได้เห็นสันหลังมังกร คือไม่ต้องไปถึงสตูล ก็เห็นสันหลังมังกรหลายคลื่นสวย ๆ แบบนี้เลย

The Mak Café

ที่แวะมาที่นี่ เพราะช่วงที่กินข้าวอยู่ถามแม่ค้าว่ามีที่ไหนแนะนำไหม เค้าก็บอกลองมาที่นี่ดูสิ พึ่งเปิดใหม่ ใช่ เพราะยังไม่เคยเห็นมีคนรีวิวเลย อีกอย่างมันเป็นทางผ่านพอดี เราเลยเลี้ยวขวาก่อนกลับ และเข้าไปแวะดูสักหน่อย จริง ๆ The Mak Trad เป็นที่พักราคาดีวิวกู้ดนะครับ แต่ก็มีคาเฟ่ให้ขาจรเข้าไปชิลเอ้าท์ได้

ต้องบอกว่าครัวซองต์อร่อยมาก แล้วพวก Cocktail ก็สร้างบรรยากาศได้ดี เสียอย่างเดียวที่เก็บค่าลงสระสำหรับขาจร 200 บาท ถ้าไม่เก็บนะ จะบอกว่าได้เงินจากผมไปหลายแก้วเลย เสียดายจริง ๆ

และนี่เป็นบรรยากาศของ The Mak Café ครับ ไปรอบหน้าผมคงจะพักที่นี่แหละ ไม่ต้องสืบเลย แต่เอาน้า รอบนี้ถือว่ามา Survey ไง จบจากตรงนี้ เดี๋ยวเราไป Highlight Point จุดสำคัญของเกาะหมากกันดีกว่า

Blue Pearl Bar

จริง ๆ มันไม่ได้ชื่อ Coco Cape บาร์นะ มันชื่อ Blue Pearl Bar แต่ที่เรียกแบบนี้เพราะคนน่าจะคุ้นหูมากกว่า เนื่องจากว่าบาร์ตัวนี้เป็นของโรงแรม Coco Cape Resort Koh Mak นั่นเอง เป็นที่พักที่เก่าแก่มาก ๆ มาเกาะหมาก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็จะมาพักกันที่นี่แหละ

Highlight ของที่นี่คือบาร์จะยื่นออกไปที่ทะเลครับ มีกิจกรรม Paddle Board, Kayak, Snorkeling ให้นักท่องเที่ยวได้เช่าทำกิจกรรม รวมไปถึงตัวบาร์เองก็มี Cocktail signature และเบียร์เย็น ๆ ดับร้อนในช่วงที่ดูดวงอาทิตย์ตกด้วย

แต่ ๆ ไม่จำเป็นต้องมาช่วง Sunset Time นะ ช่วงกลางวันก็มาได้ และอาจจะสวยคนละแบบ เนื่องจากน้ำทะเลจะฟ้า ใส มาก ๆ เลย ถ้ามาตอนกลางวันเค้าจะตกปลากัน ได้ปลาก็ทำ Sashimi ทานกันตรงบาร์นี่แหละ ปลาดิบ ทานกับเบียย์เย็น ๆ นะ ฟินสุด ๆ

และนี่คือ Mood ของ Sunset Time ช่วงที่พวกเราไปครับ ดูเหงา แต่ก็ปนสุขสุด ๆ แนะนำว่าที่นี่ มาคนเดียว มากับเพื่อน หรือมากับครอบครัว ได้หมดเลยไม่เกี่ยง

เกาะหมากซีฟู้ด (ไม่มีภาพประกอบ)

ช่วงเย็นแนะนำที่นี่เลย เกาะหมากซีฟู้ด เป็นร้านอาหารชื่อดังบนเกาะหมากที่อาหารทุกจานอร่อยมาก อร่อยจนไม่ได้ถ่ายรูป เอาล่ะ… วันแรก พอแค่นี้ วันที่สองต้องลุยรอบเกาะไกล ๆ ทั้งนั้นเลย

DAY 2

วันนี้เราตื่นมาพร้อมกับฝนตกครับ แม่งเอ้ยยยยย นี่ภาวนาให้รีบหยุดตกเพราะกลัวน้ำขุ่น ประมาณ 1 ชั่วโมง ฝนหยุดตกพอดี สำหรับวันนี้เราจะไป 2 ที่หลัก ๆ ห้ามพลาด นั่นก็คือ เกาะขาม และระยั้งนอก ส่วนที่อื่น ๆ หลังจากนี้ค่อยว่ากันแล้วกัน

เกาะขาม

เกาะขาม เพื่อน ๆ สามารถติดต่อสอบถามกับ Gotravel ได้เช่นเคย เกี่ยวกับการซื้อตั๋วเรือล่วงหน้า เพราะการซื้อตั๋วเรือล่วงหน้ากับทาง Gotravel ราคาเพียงคนละ 300 บาท จะไปตอนไหน กลับกี่โมงก็ได้ ไม่มีเวลามาฟิกซ์ครับ

รอบนี้เราเดินทางตอน 9:00 น. จะกลับก็ค่อยโทรหาเค้า บริเวณขึ้นเรือคือแถว ๆ พรมภักดีรีสอร์ท จากจุดขึ้น ไปยังเกาะขามใช้เวลาเพียง 5-10 นาทีเท่านั้น โอ้วแม่เจ้า คือใกล้มาก แล้วเชื่อไหมว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่พักอยู่บริเวณหาดแถวนี้ เค้าพายคายัคไปกันเลย เรียกว่าชิลสุด ๆ

อ่อ… จะบอกว่า อีตั๋วเรือ 300 บาทเนี่ย รวมค่าขึ้นเกาะ 250 บาทแล้วเรียบร้อย ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่ถ้าพายคายัคไปเอง จะต้องเสียค่าขึ้นเกาะอีก 250 บาทด้วยนะ ยังไงลองพิจารณาดูอีกที

บนเกาะมีบาร์นั่งชิลครับ แต่ไม่ขายอาหารนะ เพื่อน ๆ สามารถซื้อเครื่องดื่มดับร้อนชิลได้ตลอดทั้งวัน มีพร็อพ Surfboard ให้ถ่ายรูป มีต้นมะพร้าวให้อิงบรรกยาศว่าอยู่เมืองนอกเมืองนาหาว่าไป เอาเป็นว่า ลงตัว ลงตัวสุด ๆ

แล้วรู้ไหมว่า จริง ๆ แล้วที่นี่เนี่ย กำลังจะทำรีสอร์ทนะครับ แต่บังเอิญ คนที่สัมปทานรีสอร์ทเนี่ย ดันเอาทรายไปกั้นทางน้ำทะเลหรืออะไรสักอย่าง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สร้างรีสอร์ทต่อ ไม่งั้นนะ จุดนี่เองคือโคตรดี เสียดายมาก ๆ ไม่น่าเลย ที่สำคัญ บริเวณเกาะขามมีท่าเรือส่วนตัวที่สวยงามมาก ๆ

ท่าเรือส่วนตัวที่ว่าก็คือสะพานที่ยื่นออกทะเลนี่แหละ สวยสุด ๆสำหรับผมผมว่ามันสวยกว่าตรงสะพานสู่ฝัน เพราะน้ำมันใสกว่า ฟีลลิ้งเกาะนี่คือมัลดีฟชัด ๆ และจะบอกอะไรให้นะ จุด Highlight อีกจุดของที่นี่ก็คือ Sandbank ที่พอน้ำทะเลมันลงเนี่ย จะโผล่มาให้เราสามารถเดินเล่นได้เลย

นี่ถ้าถ่ายจากมุมสูงก็จะเห็นภาพชัดขึ้นมาก สวยมาก ๆ อยากกลับไปอีกขณะที่กำลังนั่งปั่นรีวิวอยู่ คิดดูเองละกัน แนะนำให้มาตั้งแต่ช่วง 10:00 – 14:00 น.นะครับ จะสวยสุด ๆ ไปเลย บวกกับน้ำทะเลที่ใสมาก ๆ อีกด้วย แต่สำหรับผมนะ ผมว่าช่วงหลัง 12:00 น. ไปคือดี ด้วยทิศของาดวงอาทิตย์กับวิวที่จะปล่อยโดรนมุมสูงแล้วนะ ช่วง 13:00 – 14:00 เนี่ยดีสุดเลย

เราใช้เวลาที่นี่เยอะมากครับ เยอะจนเหนื่อย และอิ่มกับวิวสวย ๆ จนตัดสินใจยกเลิกการเดินทางไประยั้งนอกในทันที และขอกลับห้องไปนอนพัก ออกเที่ยวอีกทีตอนหลัง 17:00 น.เลย ๕๕๕๕๕

The Lazy Day Resort Koh Mak

เอาจริง ๆ ที่นี่คือที่พักนะ แต่เราไม่ได้เข้าไปพัก เราไปแค่เพื่อไปถ่ายกับทางเข้าของรีสอร์ทเค้าเฉย ๆ ซึ่งผมมองว่า ใครเห็น ใครก็ชอบครับ เพราะมันสวยงามมากจริง ๆ

อารมณ์มันประมาณว่าขับเข้าไปในดงมะพร้าวสูงสุดลูกหูลูกตาเป็นร้อยต้น แล้วมีทางเล็ก ๆ บนเนิน แต่ตัวอะไรใส่ชุดไหนไปถ่าย ก็สวยครับ รูปที่เราได้เลยจะได้มาประมาณนี้ สวยไหม…

ต้นมะพร้าวตัวแอล

แก… จริง ๆ อ่ะ เกาะหมากมีต้นมะพร้าวตัวแอลประมาณ 2 จุด แต่จุดที่เราจะพาไป ต้องบอกว่ามันเป็นจุดที่น้อยคนจะรู้จัก แม้แต่คนเกาะเองบางทีถามทางก็ยังไม่รู้เลย เพราะที่นี่ เดินทางค่อนข้างลำบาก และเต้องเดินเลาะหาดไปประมาณหนึ่ง

เหมือนว่าจุดนี้จะเป็นจุดที่ห่างไกลจากตัวชุมชนมากที่สุดแล้ว ช่วงที่เดินไประวังแมลงด้วย เพราะตอนไปโดนกัดเยอะมาก แนะนำให้ทาน้ำมันมะพร้าวชะโลมตัวไปหน่อยนะ เพื่อป้องกันการกัดต่อย การเดินทางคือต้องไปทาง Hidden Beach Resort ขับไปจอด แล้วเดินมาทางซ้ายมือเรื่อย ๆ (หันหน้าออกทะเล) แล้วเดี๋ยวจะเจอเอง

ไม่แนะนำให้ไปคนเดียวนะครับ อันตราย ทั้งสถานที่ และอะไรหลาย ๆ อย่างเลย แต่รับรองความดิบครับ เพราะที่นั่น แทบจะไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเรา แต่หลังจากทำรีวิวตัวนี้จบก็ไม่แน่เหมือนกันนะ ๕๕๕๕

เอาเป็นว่า เป็นอีกหนึ่งจุดที่จะไปหรือไม่ไปก็ได้ มันเป็นแค่สถานที่ที่เราอยากได้ภาพเฉย ๆ เราจึงตามหา ก็แค่นั้น ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไปเพื่อเล่นน้ำ และถ่ายภาพอย่างเดียวเลย

Banana Sunset Bar

เอาจริง ผมจำชื่อบาร์ไม่ได้อ่ะ คือบาร์มันเหมือนไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวเลย มันไปจนสุดขอบของฝั่งตะวันออก แล้วทางไปก็เบี่ยงออกจากทางหลัก เป็นทางลูกรัง รับรองว่าถ้าไปกันคนสองคนจะต้องกลัวแน่ ๆ ดูรก รุงรังกับป่าข้างทาง สักพักก็ขับไปจนขับไปต่อไม่ได้

เราจอดรถแล้วเดินเข้าไปที่บาร์ เห้ยยยย… มันเป็นแหลมเล็ก ๆ ที่ไม่ใช่จุดชมวิวอะไร มีสะพานที่ถูกคลื่นซัดพังยับเยินด้วยอีกหนึ่ง ดูเหมือนว่าช่วงเย็นจะมีดนตรีสดด้วย บาร์เป็นบาร์เล็ก ๆ เครื่องดื่มราคาไม่ได้แรงมาก และมีอาหารให้สั่งทานด้วย เราสั่งตัว Blue Hawaii มาลองดูท่าหน่อย

โหหห… นี่สิ เค้าถึงเรียกว่า Cocktail คือดีมาก รสดี เทสต์ได้ เข้าถึงลิ้นเราสุด ๆ นอกจากนั้นเราก็สั่งอาหารทานกัน คือวิวดี ดนตรีดี คนดี ถ่ายรูปสวยมาก และที่สำคัญ คนไทยไม่ค่อยมากันหรอ มีแต่ต่างชาติ นี่ชอบใหญ่เลยทีนี้

ระหว่างที่ดวงอาทิตย์อัสดงไป จู่ ๆ ฟ้าก็ระเบิดครับ หยุดทานข้าว แล้วหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายแทบไม่ทัน วันนั้นเป็นคืนสุดท้ายบนเกาะที่งดงามจริง ๆ เรากะว่าจะกินให้เมาแปร๋ แต่ด้วยความเหนื่อยหล้าจากการเดินทางและเพลียแดดตอนถ่ายรูปที่เกาะขาม ทำให้เราหมดแรงจริง ๆ

DAY 3

วันที่สามาเราเดินทางกลับด้วยความอิ่มอกอิ่มใจครับ เราได้มิตรภาพใหม่ที่หาไม่ได้จากพี่เจ้าของ Hanoii House และก็เอ่ยปากบอกไปแล้วว่าถ้ากลับมา จะกลับมาเยี่ยมแกอีกแน่นอน และใช่ครับ ผมจะกลับไปที่นี่แน่นอน เพราะยังมีอีกหลายจุดที่ผลัดวันไปก่อน เหนื่อยเด้อ ๕๕๕๕

สุดท้ายนี้ ทริปนี้ผมขาดกิจกรรมที่จะต้องไป ระยั้งนอก เกาะกระดาด และทริปดำน้ำดูปะการัง รวมถึงพายคายัคไปเกาะขาม และตกปลาที่แหลมของ Coco Cape Resort รอบหน้าไม่พลาดแน่

สำหรับใครที่สนใจทริปเกาะหมากอ่ะนะ เราแนะนำให้ติดต่อ Gotravel เลย รอบรองว่าจะได้ที่พักดี ๆ ที่มาพร้อมกับกิจกรรมแน่นอน แล้วเจอกันระหว่างทางครับ

สรุปค่าใช้จ่าย

  1. ค่าเรือไปกลับคนละ 900 บาท
  2. ค่าเรือข้ามเกาะขาม คนละ 300 บาท (รวมค่าขึ้นเกาะ)
  3. ค่าที่พัก 2 คืน 1,600 บาท (ไปกัน 2 คน หารสองตกคนละ 800 บาท)
  4. ค่าเช่ามอไซต์ 2 วัน + น้ำมัน 600 บาท (หาร 2 ตกคนละ 300 บาท)
  5. ค่าเข้า Blue Pearl Bar คนละ 200 บาท
  6. ค่ากิน ดื่ม เฉลี่ยคนละ 1,000 บาท

รวมใช้ไปคนละประมาณ 3,500 บาท

Leave a Reply

*