On The Beach 2024: ดำน้ำหมู่เกาะสุรินทร์ – เล่นเซิร์ฟเขาหลัก 3 คืน 3 วัน ด้วยเงินคนละ 5,990 บาท

ทริปประจำปี PALAPILII: On The Beach กลับมาจัดอีกครั้ง หลังจากพิษ Covid-19 ทำให้เราหยุดทำทริปมาตั้งแต่ 2020 มาถึงปีนี้ 2024 เราหยิบและดึงขึ้นมาจัดเป็นทริปแรกของการกลับมาเลย โดยในปีนี้เองมีการเปลี่ยน Location บางจุดด้วย มาดูแผนการเดินทางของเรากัน

DAY 1

20:00 – ล้อหมุนจากจุดนัดพบ

DAY 2

09:00 – ถึงท่าเรือ และเดินทางสู่หมู่เกาะสุรินทร์

17:00- Surf Session

19:00 – Check in เข้าที่พัก

21:00 – Private Party

DAY 3

08:00 – Morning Surf

12:00 – Check out

14:00 – Little Amazon

17:00 – ภูเขาหญ้า จ.ระนอง

19:00 – เดินทางกลับ กทม.

DAY 4

05:00 – ถึง กทม. แยกย้ายกันไปทำงาน

แพลนโหดเหมือนโกรธใครมา เรียกได้ว่าอัดแน่นจัดเต็มแบบมีคุณภาพเลย คือไหน ๆ ก็มาแล้ว ก็เก็บให้เท่าที่จะเก็บได้ การเดินทางของเรา เริ่มต้นด้วยการ เหมาบัสหนึ่งคัน แล้วใช้เป็นพาหนะเดินทางกันยาว ๆ ทั้งทริป

จริง ๆ ช่วงเดินทางก็วุ่นวายอยู่ เพราะเริ่มปาร์ตี้กันตั้งแต่อยู่บนรถเลย ไปช้าเพราะจอดเข้าห้องน้ำเป็นสิบรอบ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตัดภาพไปตอนตอนถึงพังงาเลยแล้วกัน รอบนี้ เราจองเรือผ่านทาง Agent GoTravel ครับ จะได้ราคาดีกว่าจองโดยตรงกับทุกเจ้าเลย ติดต่อแบบรายคนเหมือนเหมาลำแบบเรา ก็สามารถทำได้นะ ที่สำคัญคือเจ้านี้ หลังจากที่วางเงิน หากจะ Cancel Trip สามารถยกเลิกได้ก่อน 24 ชั่วโมงแบบได้ Refund 100% เลย ดีสุด ๆ

พอมาถึงท่าเรือ ก็มีพวกอาหาร และของขับเคี้ยว รวมถึงเครื่องดื่มบริการฟรี มีห้องอาบน้ำที่พอเพียงต่อคนจำนวนมาก มีอุปกรณ์ดำน้ำตื้นให้ยืม รวมถึงฟินด้วย ที่สำคัญคือมีผ้าเช็ดตัวให้ และทุกคนที่เดินทางกับทัวร์มี มีประกันเดินทางและประกันชีวิตให้เรียบร้อย

จากท่าเรือไปจุดแรกใช้เวลาราว ๆ ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งจุดแรก เราจะแวะที่หมู่บ้านมอร์แกนครับ ต้องบอกแบบนี้ว่า ชาวมอร์แกน เค้าอาศัยอยู่ที่เกาะนี้มานานแล้ว เลี้ยงชีพโดยการดำน้ำหาปลา พวกเขาสามารถดำน้ำได้กันตั้งแต่เด็กและอยู่ใต้น้ำได้นานมากด้วย

พอการท่องเที่ยวมันโตขึ้น ก็มีวิวัฒนาการหลายอย่างที่ปรับเปลี่ยนชุมชน หลัง ๆ ไป ก็มีการนำเปลือกหอย ปะการังที่เสียหายแตกไป หรือวัสดุธรรมชาติ มาร้อยเป็นสร้อยข้อมื้อ ข้อเท้า และสร้อยคอ ขายให้กับนักท่องเที่ยว ราคาเริ่มต้นที่ 150 บาท สามารถไปอุดหนุนกันได้

แต่อย่างว่า หมู่เกาะสุรินทร์เปิดให้เข้าชมแค่ปีละ 6 เดือนเท่านั้น สุดท้ายพอถึงช่วงโลซีซั่น ก็จะมีน้อง กลุ่มหนึ่งที่ต้องนั่งเรือออกมาหางานทำ เรื่องนี้ก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ว่าชาวมอร์แกนได้สัญชาติไทยไหม ใครสนใจเรื่องนี้อาจจะต้องศึกษากันต่อเอง แต่ทว่า… ที่นี่มันงดงามในแบบของมันเสมอมา

จบจากจุดนี้ ก็จะไปดำน้ำจุดแรกกันก่อนเลย จุดแรกน้ำค่อนข้างลึกครับ หมู่เกาะสุรินทร์ ถือเป็นอีกเกาะที่ปะการังสวยและสมบูรณ์เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยเลยนะ ไปดูภาพบรรยากาศกัน

น้องนีโม่ที่นี่เยอะมากบอกเลย ใครมาแล้วไม่เจอนีโม่ถือว่ามาไม่ถึงหมู่เกาะสุรินทร์นะ ที่นี่น้องเยอะจริง ๆ แต่เชื่อว่าจบจากจุดนี้ ทุกคนน่าจะหิวกันชัวร์ ใช่ เราจะแวะขึ้นเกาะหลักเพื่อไปทานอาหารกัน

นอกจากทางทัวร์เค้าจะมีบริการรับรองอื่น ๆ มากมาย ที่พลาดไม่ได้คือรวมอาหารบุฟเฟ่ต์บนเกาะให้ด้วย เรียกได้ว่าเติมกันแบบไม่อั้นเลย หลังจากทานเสร็จ เราสามารถเดินทะลุไปที่หาดไม้งามได้

จุดนี้ต้องบอกว่าคนเคยมานอนค้างคืนบนเกาะอย่างผมอย่างชอบเลย เพราะหากเพื่อน ๆ ได้มีโอกาสมานอนที่นี่นะ จะเจอกับพวกก่อปลานีโม่หน้าหาดเพียบ แบบไม่ต้องดำน้ำเลยนะ เพราะช่วงน้ำลงจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลย แต่รอบนี้เราไม่ได้มาพัก แค่ได้มาถ่ายรูปเล่นกันตรงบริเวณหาดนี่ก็คือคุ้มสุด ๆ ละ ไปดูภาพกัน

หลังจากนี้ เราจะไปดำน้ำอีกสองจุดบริเวณแนว ๆ เขาช่องขาดครับ ปะการังยังสวยและสมบูรณ์เหมือนเดิม บอกเลยว่าพวกเราดำน้ำกันเพลินมาก ๆ ไปชมภาพกันก่อนขึ้นฝั่งเลย

ตามแผนหลังจากถึงฝั่งก็จะต้องรีบไป Surf Session ต่อที่หาดหลังโรงแรมเนอะ แต่เราไปไม่ทัน บวกกับทุกคนยมไปหมดแล้วครับ มันเหนือ่ยแหละ เดินทางมาแล้วดำน้ำต่อเลย ก็เลยตัดสินใจเข้า Check in กันก่อนเลย ซึ่งรอบนี้ เราพักกันที่ Kokotel Khao Lak Lighthouse แหละ เดี๋ยวจะมารีวิวที่พักเช้าวันพรุ่งนี้นะ เดี๋ยวันนี้รีบอาบน้ำไปปาร์ตี้กันต่อ

หลังจากที่ทุกคนอาบน้ำกันเรียบร้อย ก็แยกย้ายกันไปทานอาหารแล้วนัดเจอกัน 21:00 น. ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ริมถนนหลักของเขาหลักเลย ตัวร้าน Vibe ดีมากแม่ ชื่อ Qyūri Gin Bar ตัวร้านจะมี Cocktail และเครื่องดื่มง่าย ๆ ให้สั่งทานกัน

สำคัญตรงที่มีคาราโอเกะนี่แหละ สุด ๆ เลย ไม่รู้ว่าตอนรับแขกปกติเขาให้แขกร้องคาราโอเกะด้วยหรือเปล่า แต่ตอนเราไป คือมีคาราโอเกาะรองรับให้เลย สนุกมาก กลับกันตี 3 เห็นจะได้ ไปดูภาพบรรยากาศกัน วุ่นวายมาก

ซึ่งแน่นอนว่า ปาร์ตี้จบแล้ว แต่คนไม่จบครับ ไปดื่มกันต่อที่โรงแรมอีก ยาวเลยที่นี่ บ้าบอจนชวนกันไปเล่นน้ำทะเลตอนตีสี่ เว่อร์มาก แต่ก็ไปกัน เป็นอีกความรู้สึกที่บอกกับใครไม่ได้เลยนะ ต้องลองลงน้ำทะเลตอนเมาและตอนดึก ๆ ดู ฟีลลิ้งแบบ Good สาสสสสสสสสสส

ตื่นแต่เช้า แบบเกือบไม่ตื่นดีกว่า เมื่อคืนนอนเกือบ ตี 5 แต่ต้องตื่นมาเรียบ Surf แม่เจ้า รอบนี้ที่เรียน Surf เราปังมาก วิวสวยมาก และได้ Low Tide by Better surf มาเป็น Trainer ให้ ไปกัน 30 คน มีผื้นขั้นมาเรียน 12 คน แม่เจ้า

แต่ทุกคนดูสนุกนะ แบบ เอ้อออ… ไม่เคยเล่น ก็ได้เล่นรอบนี้ ที่สำคัญคือได้เล่นกับมืออาชีพและโลเคชั่นที่ถูกต้องก็ต้องที่นี่แหละ มีคนยืนได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อันนี้ก็ต้องกลับมาซ้ำกันเองถ้าติดใจ แต่เอาเป็น่า Location นี้ ผมให้ 10/10 เลย สะดวกมาก ใกล้ร้านอาหารและโรงแรม โดยเฉพาะที่พักของเรา ก็คือตื่นขึ้นมาแล้ว ลงเล่นน้ำได้เลย

พูดถึงโรงแรมแล้วก็มาดูที่พักของเรากันดีกว่า ที่นี่คือ Kokotel Khao Lak Lighthouse เป็นที่พัก 3 ดาวที่ผมให้ 4 ดาวเลยอ่ะ มันโอเคเว้ย แล้วมีสระว่ายน้ำอีก

บรรยากาศรอบโรงแรมคือดีเลย ด้านหลังมีสนามหญ้า ผ่านป่าไม้ต้นใหญ่ ก็เจอหาดเล่นน้ำดูอาทิตย์ตกดินได้เลย แล้วคือมีวิวประภาคารด้วยนะตรงนี้

ตัวสระว่ายน้ำก็โอเค มีจากุชชี่ฟองฟอดให้นั่งชิลด้วย พวกเราแช่น้ำเล่นน้ำกันเพลินจะต้องของ Late Check out เลย

ตัวภายในห้องก็กว้างขวางเลยแหละ เตียงนุ่ม นอนสบาย ผ้าห่มดี หมอนดูดวิญญาณ ห้องน้ำก็ไม่แย่ สำคัญคือรวมอาหารเช้าให้ด้วย ราคาต่อคืนตก 1,200-1,500 บาทเองนะ สำหรับห้องพักราคาเริ่มต้น ใครสนใจสามารถจองผ่าน official website ได้เลย –> https://www.kokotel.com/khao-lak-lighthouse

Check out แล้วไปต่อ ไม่กินข้าวเที่ยงนะ เดี๋ยวกินข้าวเย็นเลย เพราะตื่นสาย เหลทเช็กเอ้าท์กัน กลัวไปไม่ทันกิจกรรมถัดไปต่อจากนี้ นั่นคือ Little Amazon

ที่ชื่อว่า Little Amazon ก็เพราะมันเป็นป่ารกชักเลยครับ เป็นรูทที่จะต้องพายเรือคายัคเข้าไป ซึ่งจะพายไปเอง หรือให้ชุมชนพายให้ก็ได้ แต่รอบนี้เรามาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชน เราเลยใช้บริการของชุมชนเสียเลย ลำละ 500 บาท นั่งได้สองคน พร้อมกับคนพาย 1 คน

ก่อนหน้ามันรกกว่านี้ แต่ผ่านไปหลาย ๆ ปี ป่ามันล้มครับ เพราะตรงนี้เป็นบริเวณที่มีน้ำขังตลอดนั่นเอง ป่ามันางไปกว่าที่ผมเคยมาจริง ๆ ลิงก็ไม่มี งูก็ไม่เห็น ซึ่งแต่ก่อนอ่ะ มันมีเยอะมาก ๆ คุณ แต่ก็นะ ได้กลับมาอีกครั้ง ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์เหมือนก่อนหน้าที่เคยมา แต่ก็เข้าใจธรรมชาติดี

ก็ถือเป็นอีกกิจกรรมที่แนะนำให้มากันนะ มาช่วยส่งเสริมและกระจายรายได้ให้กับชาวบ้านที่นี่ด้วยทุกคน ต่อจากนี้ มีคนบางจะอยู่ต่อ เพราะรู้สึกว่ามาน้อยวันเกินไป ก็ร่ำลากันตรงนี้เลย ส่วนคนที่ต้องกับ ก็ไปเจอกันต่อป้ายหน้า “ภูเขาหญ้า”

เหตุผลที่รอบนี้เลือกเดินทางผ่านระนอง เพราะว่าจะพามาถนนคนเดินระนองครับ แต่เชื่อไหมว่า พอเราไปถึง มันปิดวันนั้นพอดี ถนนคนเดินระนองจะเปิดเฉพาะหน้า High Season แม่เจ้า พึ่งรู้เลย แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อย เราก็ได้มาดูพระทิตย์ตกด้วยกันที่ภูเขาหญ้า

จริง ๆ แล้ว ภูเขาหญ้า อยู่ในลิสต์ท่องเที่ยวเมืองรองด้วยนะ เป็นอีกจุดที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาระนอง เอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย เป็นภูเขาสามลูกอยู่ติดกัน สามารถเดินขึ้นไปภูสุดท้าย เพื่อไปจุดชมวิวได้ แล้วคุณคิดว่าเราไปกันไหมล่ะ

เออ… ไปกันหมดเลยแม่เจ้ มีไม่กี่คนที่ไม่ไหวรออยู่ด้านล่าง ซึ่งระหว่างทางขึ้นบอกเลยว่าได้ภาพสวย ๆ เยอะมาก มีหลายมุมให้ถ่ายกัน พอไปถึงจุดสูงสุดก็จะ นี่แหละการเดินทาง ถ้าเรามาคนเดียวมันจะไม่สวยและสนุกเท่ากับขึ้นมาพร้อมกันเป็นสิบ ๆ คนจริง ๆ เชื่อดิ

นี่คือ Destination ท่องเที่ยวที่สุดท้ายของทริป ขอฝากภาสวย ๆ ไว้ให้ชมกัน ภูเขาหญ้า จ.ระนอง รอบนี้น่าจะป็นรอบที่ 3 ของผม แล้วคือมาทีไร ก็ขึ้นไปทุกที บ้าไปแล้ว

ก่อนกลับผมพาเพื่อน ๆ ไปทานร้านอาหารที่ติดใจรอบที่แล้ว โทรไปบอกร้านว่าขอจองโต๊ะ 30 คน พระเจ้า นางจัดโต๊ะต่อกันยาวเหมือนงานเลี้ยงเลย มันดูยิ่งใหญ่จนต้องถ่ายรูปไว้

ร้านนี้อาหารรสชาติดี อร่อย แนะนำ ชื่อร้านสมบูรณ์โภชนา ใครไประนองห้ามพลาดเลยนะ หลังจากนี้ก็ยิงยาวไปจนถึง กทม. แบบสลบ ๆ และไปทำงานต่อในเช้าวันจันทร์ เป็นอีกทริปที่ปีหน้าผมจะจัดอีกแน่นอน เตรียมฟังข่าวสารได้ที่เพจ PALAPILII ได้เลย แล้วเจอกันระหว่างทาง

Leave a Reply

*