ชีวิตนี้ มีครั้งเดียว

11246975_903568909736889_4904312089554110310_n

          หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยไปแล้ว อะไรคือเป้าหมายต่อไปในชีวิต?

          ฟังดูน่ากลัวเนอะ แต่อย่างว่า ถ้าบ้านเราก็คงต้องรีบหาที่ทำงาน รีบเอาเงินเดือนก้อนแรกให้พ่อให้แม่ จะได้ดูชิค ติดเทรนวัยรุ่นไทย ว่าแต่ว่า ทำไปเพื่ออะไร ให้ได้หน้าได้ตา ให้เรารู้สึกภูมิใจ หรือเพียงเพื่ออวดคนรอบข้าง จริงๆ มันก็ไม่ผิด แต่ลองคิดซักนิด ว่าใช้ชีวิตเราหรือเปล่า… ว่าไง ใช่มั้ย?

          ผมได้ไปรู้จักกับชีวิตคนกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกตัวเองว่า YOLO เพื่อนๆ ยังไม่ต้องรู้หรอก ว่ามันมาจากคำว่าอะไร แต่พวกที่ใช้อุดมการณ์แบบนี้ แบบ YOLO เค้าเชื่อว่า ชีวิตนี้ เค้ามีครั้งเดียว เพราะฉนั้น อย่างที่พี่ตูน Bodyslam เคยบอกไว้ ชีวิตเรา ใช้ซะ! มันอาจจะฟังดูธรรมดา แต่… มันมีความหมายมหาศาล ลองคิดดูเล่นๆ ถ้าเราต้องการจะทำสิ่งๆ หนึ่ง แล้วเราได้ทำมันจริงๆ ทำโดยไม่ต้องสนว่าใครจะมองยังไง เรารัก เราทำ แล้วมันเสือกดันสำเร็จ ชีวิตเกิดมาครั้งนี้ บอกเลยว่า พีคสัสๆ เพื่อนๆ ว่าจริงมั้ย?

          ระหว่างที่นักศึกษาไทยเรียนจบมา เร่งหางานการทำให้เร็วที่สุด แต่มีนักเรียนต่างชาติหลายชาติกลุ่มหนึ่ง ขอเวลาช่องว่างระหว่างเรียนจบเพื่อหางานทำในเวลาไม่กี่เดือนช่วงนี้ ออกเดินทางค้นหาตัวเอง มากกว่านั้นคือออกไปท่องโลก มันอาจจะฟังดูเวิ่นเว้อกับเมืองไทย แต่มันไม่แปลกอะไรกับต่างประเทศเลย นักศึกษาชาวญี่ปุ่น หลังจากที่จบมหาวิทยาลัยแล้ว เค้าจะมีเกมส์ๆ หนึ่งซึ่งเอาเค้าว่า YOLO มาใช้เป็นชื่อเกมส์ เกมส์นี้เล่นง่ายๆ คือการทำอะไรก็ได้ ให้ตัวเองมีชีวิตรอดอยู่ในต่างถิ่น และเมืองหลักๆ ที่เค้าจะไปกันคือ New York สหรัฐอเมริกา การเดินทางของเค้าในครั้งนั้น จะต้องมีงบที่จำกัด อย่างเช่น เอาเงินติดตัวไปแค่ 100$ แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่ America ให้นานที่สุด เท่าที่จะทำได้ พวกเขาเหล่านั้นจะเล็งหางานในร้านอาหารเป็นอันดับแรก ถ้าได้งาน ก็โชคดีไป แต่ถ้าได้ทำงานด้วย แถมพักในที่ทำงานได้ด้วย นั้่นคือ Jack pot แตก เกมส์นี้ของเขาเหล่านั้น มีชัยไปกว่าครึ่ง บางคนถึงกับตั้งถิ่นฐานสร้างอาชีพได้เลยทีเดียว อย่างว่าแหละนะ คนมีของ อยู่ที่ไหนก็มีคนจองตัว แต่มองในมุมกลับ ถ้าเกมส์ๆ นี้เราแพ้ หากไม่มีงาน ไม่มีใครรับหละ ก็ต้องก้มหน้า หาทางกลับบ้านไป ไม่มีใครไม่เคยล้ม เวลาเพื่อนๆ ไป New York สามารถสังเกตได้ตามข้างถนน จะมีคนผิวสีเอเชียนอนอยู่ เพื่อนๆ เดาได้เลยว่า พวกเค้าแม่งคือพวก YOLO ชีวิตเค้ามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มากๆ คือทำตามใจตัวเอง เพื่อรู้ใจตัวเอง

          โห ก็ญี่ปุ่นแม่ง ค่าเงินมันสูง ฐานะดีกว่าไทย บ้านเราเงินก็น้อย ภาษาอังกฤษก็พูดไม่ค่อยเป็น บลาๆๆๆๆ มองมุมขวาบนแล้วกดปินหน้าต่าง content นี้ไปเลย ถ้าเพื่อนๆ คิดแบบนี้ เมิงไม่ต้องอ่านกระทู้กุต่อไปละ เมิงคิดูสิ เมิงไม่มีตังค์ เมิงก็หางาน Part time ทำระหว่างที่เรียนอยู่สิ ถูๆ ไถๆ ยังไงก็ได้หลักหมื่น แบ่งเงินให้เป็น เก็บบ้าง ใช้ประหยัดบ้าน ส่วนภาษาอังกฤษ ยังไงเมิงก็พูดให้เหมือนเจ้าของภาษาเค้าไม่ได้หรอก แต่ฝึกแค่ให้พอสนทนารู้เรื่องก็พอ ถ้ารู้ว่าไม่ได้ ก็ฝึกซะสิ ฝึกๆๆๆ ถ้ามัวมาหาข้ออ้าง ก็นั่งข้างทางดูคนอื่นสำเร็จต่อไปแล้วกัน ไม่มีใครสำเร็จกันง่ายๆ หรอกครับ ทุกคนต้องใช้ความพยายาม ความอดทนด้วยกันทั้งนั้น ไม่ได้บอกว่าชีวิตผมดี ผมเด่น อะไรทั้งนั้น แต่นี่คือแนวคิด ที่ไม่ค่อยสนิทกับสังคมไทยเลย ผมคิดอย่างนั้น…

          อย่างที่ผมได้เคยอ่านเจอหนังหนังสือเล่มหนึ่ง ผู้เขียนพูดประมาณว่า

“เด็กไทยแม่งถูกล้อมกรอบตั้งแต่ยังไม่ลืมตาขึ้นมาดูโลก ขนาดจะเกิดยังไม่เป็นธรรมชาติเลย ต้องผ่าคลอด ไม่ได้คลอดแบบธรรมชาติอย่างที่มันควรจะเป็น ส่วนวันที่จะเกิด พ่อแม่ก็ไปดูดวงกับพระเรียบร้อย และกำหนดกฎเกณฑ์การคลอดไว้อย่างเป๊ะๆ กะว่าลุกกุเกิดมาต้องได้ราศีดี ดวงดี เฮง และเจ๋งก็ว่ากันไป พอลืมตาขึ้นมาดูโลกก็เลี้ยงไว้อยู่ในกรงไม้เล็กๆ จะคลานไปไหนก็โดนลากมาอุ้มไม่ให้เดินเอง โตหน่อยถ้าชอบวาดรูปบนกำแพงก็จะถูกตีมือ และให้ไปท่องหนังสือในตาราเรียนที่เขียนหนาๆ หวังให้อนาคตลูกเป็นอย่างที่ีพ่อกับแม่เคยอยากเป็น และคิดว่ามันดีแล้ว พ่อแม่คนไทยมักจะเห็นลูกตัวเองเป็นสินค้าโดยไม่รู้ว่าสินค้ากับคนมันต่างกันสุดขั้ว”

          YOLO เลยย่อมาจากคำว่า YOU ONLY LIVE ONCE ชีวิตนี้ คุณเกิดมาเพียงครั้งเดียว เพราะฉนั้น ชอบอะไร อยากทำอะไร อยากบอกรักใคร ก็รีบๆ ทำซะนะ คำว่า ไม่มีอะไรสายเกินไป มันไม่จริง ทุกอย่างมีวันหมดอายุของมัน หวังว่าเพื่อนๆ จะได้แง่คิดจากบทความของผมบทความนี้ ถ้าคำมันแรงไป ก็ขอโทษด้วย แต่กุพูดออกมาจากใจของกุจริงๆ สวัสดี : )

Conetent by : https://www.facebook.com/PalapiliiThailand

3 Comments

  1. อ่านแล้วจึ่กกกก มันใช่มากๆ วำหรับดิฉัน โหววววว รู้สึกมีพลังขึ้นมาเรย

  2. สัญญาจะเที่ยวให้ได้ทุกครั้งที่ว่าง 555+ อยากเห็นท้องฟ้า ภูเขา ต้นไม้ แหละ ^^

Leave a Reply

*