Site icon PALAPILII-THAILAND

Backpack วังเวียง 4 คืน 3 วัน ด้วยเงิน 3,500 บาท [ไม่รวมค่าเบียร์]

14812976_1123588637723654_540682650_o

จริงๆ ช่วงหยุดปิยะ 2016 ของเราปีนี้ต้องไปปีนเขา Day Trip คินาบาลูเว้ย แต่จู่ๆ ปีนี้ทางอุทยานที่มาเลเซียก็ไม่ให้ปีนเขาไปกลับวันเดียว เราเลยเฟล ละคือแบบถ้าจะให้ไปคนเดียวปีน 2 วัน 1 คืน ทริปนี้คงหมด 30,000 บาทแน่ๆ เพราะไม่ได้จองอะไรสักอย่าง แก้ปัญหาหลายปัญหามาก ชวนพ่อแม่ไปเที่ยวทะเลพม่า พ่อแม่ก็ไม่ว่าง เปิด Google Map ดูแผนที่โลก แล้วหาดูประเทศที่ยังไม่เคยไปแล้วอยากไป ก้ไม่มี ส่วนใหญ่ไปมาหมดแล้ว (หมั่นไส้ได้ไม่ว่า ฮาๆ) เราแม่งหมดหนทาง เลยทักไปหาอิพี่อ้อ high on dreams

เมิง… หยุดยาวไปไหน

ไม่รู้ว่ะ ไม่มีแพลน

เออ.. ไปไหนดีวะ เปิดดูแผนที่ไม่มีที่ไปละเนี่ย

วังเวียงมั้ย?

เออ เอาดิ อยากกลับไปอีกเหมือนกัน

ดีล

อะเค พรุ่งนี้เจอกัน

และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการกลับไปวังเวียงครั้งที่สองของผมในทริปนี้ ถามว่าตื่นเต้นมั้ย ตอบเลยว่าตื่นเต้นโคตร เหมือนกับเที่ยวสมัยเรียนตอนแต่ก่อนเลย เพราะไม่ได้จองห่าเหวอะไรทั้งนั้น ก็แค่อยากไปหนิ จะรออะไร…

ตะกี้บทนำนะ อันนี้เข้าเรื่องละ คือเราคุยกันกับพี่อ้อ ว่าจะนั่งบัสไปลงที่หนองคาย จากนั้นก็ข้ามฝั่งไปเวียงจันทร์ แล้วหาซื้อรถมอเตอร์ไซต์มือสองขับไปวังเวียงแล้วไปขายทิ้งที่นั้นก่อนกลับไทย ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวไว้ไปมั่วกันข้างหน้า แพลนคร่าวๆ คือดิบขนาดนี้เลย และช่วงที่คุยเรื่องนี้กันคือ 6 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

วันที่ 21 ตุลาคม 2559

13.00 น. – เมิง สรุปเราไปยังไงวะ บัส เครื่อง หรือยังไง แล้วไปไหนบ้าง ไปวังเวียงยังไง คำถามนี้แม่งถามกันตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย พยายามหาบัส แต่ก็เต็มเพราะเป็นช่วงฤดูกาล เช็คราคาตั๋วบินก็แม่งปาไป 3,700 บาท ยังไงก็ต้องบัส เอ๊ะเมิง หรือจะขับรถไปกันเอง ไม่นะ แม่งโคตรไกล กูว่า ไปหารถเสริมที่หมอชิตละกัน เจอกันทุ่มครึ่ง

21.45 น. – ทุ่มครึ่งกับบ้านเมิงสิ แม่งรถติดสัส ละนี่กูอยู่ระหว่างทางกำลังจะไปหมอชิต คือแบบ ขับรถจากอยุธยา มาจอดรถไว้บ้านเพื่อนที่รังสิต จากนั้น โบก Taxi ไปหาตั๋วที่ บขส.รังสิต ประกฏเต็ม เลยให้พี่อ้อนั่งเข้าไปจองที่หมอชิต2 พี่อ้อบอกรถออกสี่ทุ่ม นิก็รถติดอยู่บน taxi อีก 15 นาทีรถออก แต่ยังอยู่ หน้า ม.เกษตรอยู่เลย เผอิญพี่วินก็รถติดอยู่ข้างๆ เปิดกระจกถาม พี่ๆ ไปหมอชิตมั้ย ไม่ทันไร ก็นั่งอยู่ข้างหลังพี่วินแล้ว ไปถึงหน้า หมอชิตตอน 21.55 วิ่งขี้แตกไปชานชลาที่ 43  สรุปรถเหลทไป 2 ชั่วโมง อิสัส กุนิรีบแทบตาย ฮาๆ

23.30 น. – บัสล้อหมุน และใช้เวลายาวนอน 14 ชั่วโมง สำหรับการเดินทางไปหนองคาย ให้ตายเถอะ กูจะไม่นั่งรถเสริมอีก (พูดกับตัวเองเป็นครั้งที่สอง)

สรุปค่าใช้จ่ายวันแรก

ค่ารถบัส 590 บาท

ค่ากิน 50 บาท

ค่าวินกับแท็กซี่ไม่นับ เพราะถือว่ายังไม่เริ่มต้นทริป ฮาๆ

รวมวันแรก 640 บาท

วันที่ 22 ตุลาคม 2559

14.00 น. – เดินทางมาถึงหนองคาย คุยกันว่าไม่รีบละ จากนั้นก็เปิด Maps.me ดูแผนที่ ว่าจากเวียงจันทร์ไปวังเวียงระยะทางเป็นอย่างไร ข้างทางมีอะไรบ้าง ไกลมั้ย ใช้เวลากี่ชั่วโมงบลาๆ ในแผนที่มันจะมีหมู่บ้านหนึ่งที่แบบมีแต่น้ำรอบตัวหมู่บ้านเลย เลยคุยกันว่า ถ้าคืนนี้ไม่ถึงวังเวียง ก็จอดนอนมันที่นี่แหละ

15.00 น. – เช่าสามล้อไปที่เขตผ่านแดน ไทย – ลาว ต่อได้คนละ 50 บาท พอไปถึง ก็เขียนบัตรผ่านแดน ละก็เข้าตรวจ ตม.ตามปกติ จากนั้นก็นั่งรถ 20 บาท ข้ามฟากไปฝั่งแดนลาว ตรงนี้จะเสียค่าซื้อ RFID Card ผ่านแดนคนละ 55 บาท จากนั้นก็ถือว่าเข้าเขตแดนลาวอย่างสมบูรณ์

15.30 น. – จากแดนลาวมีบัสรับส่งเข้าเวียงจันทร์ตลอด 30 นาทีครับ เป็นบัสสีเขียวขาว ราคาคนละ 6,000 กีบ ที่สำคัญควรแลกเงินที่นี่เลย เพราะเหลทจะดีที่สุดแล้ว แต่เนื่องด้วยว่าตอนนั้นไม่มีสติและรีบ เลยไม่แลกครับ ตัดภาพมาตอนกำลังจะขึ้นบัสเราเลยไม่มีเงินกีบ และถามว่า คิดเงินไทยเก็บเท่าไหร่ เค้าบอกว่าคนละ 40 เราว่าแพงไป เปิด Maps.me ดูระยะทางจากนี้ไปถึงเวียงจันทร์แค่ 19 กิโลเอง ไปถาม taxi ดีกว่า เผื่อจะได้ราคาที่รับได้ แล้วไปถึงที่ที่เราจะไปได้เลย taxi เอา 200 กุต่อเหลือ 150 จะไปไม่ไป สรุป ไป ฮาๆ

16.20 น. – ถึงตัวเวียงจันทร์ คุยกับ taxi เป็นภาษาลาวมันส์มาก พี่เค้าขับมาส่งตรงแถวๆ Mekong Shore Boardwalk เรีบน้ำโขง ที่จะตั้งตลาดเย็นตอนห้าโมงอ่ะ พี่เค้าบอกโซนนี้ร้านเช่ามอไซต์เยอะ พอเราลงก็เดินดูรอบหนึ่ง ปรากฏว่าไม่มีมอเตอร์ไซต์ที่ถูกใจ และทุกร้านคือคิด 70,000 กีบ ก็ประมาณ 300 บาทไทยอ่ะ ดูเวลา นิก็จะสี่โมงครึ่งแล้ว รีบเอา รีบไปเหอะ สรุปไม่ได้ซื้อมอไซต์ แต่เช่าเอาสองวัน แล้วรีบขับไปวังเวียงเลย

18.12 น. – ขับไปราวๆ ชั่วโมงครึ่งปวดตูดมาก ปวดแบบตูดทับเส้นเลือดไหลไปไม่ถึงขาอะไรแบบเนี่ย ละคือดวงอาทิตย์กำลังจะตกดินพอดี ก็ถือโอกาสจอดพัก แล้วดูพระอาทิตย์อัสดงซะเลย

18.30 น. – เป็นช่วงที่แสงใกล้หมดเต็มที่ พี่อ้อบอกว่า เมิง ตรงนี้สวย เห็นภูเขา เอาโดรนมาปล่อยมั้ย เราก็แบบ เออ ดีเหมือนกัน ก็จอดรถข้างทาง แล้วประกอบโดรน จากนั้นก็บินขึ้นฟ้าไปเลย และคือเชื่อมั้ยครับว่า นี่คือการบังคับ Phantom4 ครั้งแรกของผม หลังจากที่ทำ Phantom2 ชนภูเขาหิมะที่ New Zealand คือโคตรตื่นเต้นอ่ะ Phantom4 แม่งนิ่งมาก ใช้ง่ายมาก และบังคับง่ายกว่าตัวเก่าเยอะโคตรรร คือแบบมีลูกเล่นเยอะ แต่ก็ยังไม่กล้าใช้ ใครที่สนใจลองไปดูที่ร้าน DJI Premium Reseller by 13 Store เจ้าของชื่อพี่นัท ดูแลหลังการขาย ดีมากกกกกก

19.30 น. – คือไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเราขับกันตอนกลางคืนเลยครับ ถนนจากเวียงจันทร์สู่วังเวียงลาดยางแล้วครับ ขับง่าย แต่ไม่มีเส้นปะบอกเขตแค่นั้นเอง ช่วงนี้ที่ตื่นเต้นคืออิพี่อ้อตะโกนมาจากข้างหลัง ขณะที่พวกเรากำลังขับหมุนวนอยู่กลางป่าเพื่อไปหมู่บ้าน Houaydokmai ครับ แกตะโกนว่า เมิงงง!!! ทางช้างเผือก คือตอนนั้นก็กำลังไล่ขับบี้ตูดรถแวนอยู่ เพื่อให้เค้านำทางเราจะได้ดูปลอดภัย แต่หลังจากเงยหน้าขึ้นมองฟ้าเท่านั้นล่ะ ผมนิตะโกนลั่นป่าและชะลอรถลงเลย ใครจะไปคิด ว่าอยู่นี่ ก็เห็นทางช้างเผือกด้วยตาเปล่าได้ แม่งโคตรเพอร์เฟ็ค

20.30 น. – ถึงวังเวียงแล้วเว้ยยยยยยย!!! คือดีใจมาก แต่ก็เศร้าใจเพราะตอนนั้นแบบขับหาที่พักสามสี่ที่แม่งเต็มหมด คือแบบอะไรจะขนาดนั้น หาจนท้อ จนบอกพี่อ้อว่าหาไรแดกเถอะเมิง กูหิว ก็ไปจบอยู่ร้านหมู่กระทะซอยถัดจากซากุระบาร์ กินๆ อยู่ก็ถามเฮียเจ้าของร้านว่า มีห้องให้นอนมั้ย เฮียบอกมี เราถามว่าว่างมั้ย เฮียบอก ว่าง! เออ กูนอนนี้แหละ ฮาๆ ที่พักชื่อ เฮือนสุขใจ ราคาคืนละ 120,000 กีบ

22.00 น. – อาบน้ำเสร็จแล้ว กูเตรียมจะนอน อิพี่อ้อบอก เมิงงง ช่วงนี้ล่ะ ซากุระบาร์พีค เมิงไปป่าว เอิ่มมม จริงๆ ก็อยากนอนนะ แต่ถ้าเมิงไป กูไป ฮาๆๆ ละคือตอนไปนิเจอลูกเพจเยอะมากกกก เอาจริง ตอนนี้เราเลิกดื่มละ แต่มาวังเวียงไม่ดื่มไม่ได้จริงๆ เลยถือเบียร์หนึ่งขวดเป็นพร๊อพไว้ทั้งคืน ฮาๆ คนมาจากไหนไม่รู้เต้นกันแบบวุ่นวายมาก ทั้งเกาะหลี ฝรั่ง ยุโรป และที่พีคคือคนไทยแม่งเกือบครึ่ง อยู่กันจนร้านปิดอ่ะ พอออกมา ก็จะมีรถมารอรับไปที่อื่นต่อเว้ย ถ้าคืนวันศุกร์ก็จะพาไป Jungle Party ถ้าวันธรรมดาเค้าจะพาไป heart Beat Pub ซึ่งพวกเราขอบาย พี่อ้อบอกว่า Heart Beat เถื่อนไป เราเลยไปหาร้านต่อกันแถวๆ นี้

01.00 น. – ไม่ไหว หมดแรง หลังจากที่ไปงานวัดตรงข้ามบาร์ที่สอง ก็เข้าไปแด็นซ์ในบาร์ที่สองอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมงจนผมเริ่มไม่ไหว กลับกันเถอะเมิง เราเดินกลับห้องด้วยคำตกลงที่ว่า ตีห้าเมิงตื่นด้วยนะ กูจะไปผาเงิน…

สรุปค่าใช้จ่ายวันที่สอง

ค่าเช่ารถ 2 วัน 140,000 กีบ หารสองเหลือ 70,000 กีบ

ค่าน้ำมันเต็มถัง 28,000 กีบ หายสองเหลือ 14,000 กีบ

ค่าหมูกระทะและน้ำเปล่า 120,000 กีบ หารสองเหลือ 60,000 กีบ

ค่าที่พัก 120,000 กีบ หารสองเหลือ 60,000 กีบ

ค่าใช้จ่ายวันแรก 640 บาท

รวมค่าใช้จ่ายวันที่สองประมาณ 1,600 บาท

หมายเหตุ: 1,000 บาท มีค่าประมาณ 230,000 กีบ

วันที่ 23 ตุลาคม 2559

05.10 น. – นาฬิกาปลุกดังลั่น อิพี่อ้อบอก เมิงงงง ลุกไปปิด กูก็ลุกไปปิดแล้วนอนต่อ สักพัก รู้สึกว่าแสงข้างนอกเริ่มส่องตา หยิบมือถือมาดู อ่าว จะ 6 โมงเช้าแล้ว บอกพี่อ้อว่า เมิงจะไปป่าว มันบอกไม่ไป เมิงไปก่อนเลย อ่าาาๆๆๆ กูไปละนะ เราเก็บของสะพายโดรนไว้ด้านหลัง หยิบกุญแจ เดินออกจากห้อง แล้วบิดรถไปที่ผาเงินทันทีแบบเปิด Maps.me ให้นำทางไป (Maps.me คือ Application แผนที่ที่สามารถดูทางได้แบบไร้อินเตอร์เน็ต)

06.10 น. – ก็เสียค่าข้ามสะพานแม่น้ำซองไป 10,000 กีบ ขับไปเรื่อยๆ ข้างทางสวยมาก ขับไปขับมา ขับเลยค่ะอิห่า ถามน้องสาวข้างทาง น้องบอกเมิงต้องย้อนกลับไป เช็คแผนที่อีกที อ้าวเชี่ย เลยมา 300 เมตร ขับกลับไปก็เห็นป้ายทางไปผาเงิน ก็คิดว่าต้องจอดรถไว้ข้างถนนแล้วเดินเท้าไป แต่ไม่ใช่ มันขับไปได้ต่ออีกนิดหน่อย ก็ขับไปเรื่อยๆ จนเห็นรถจอดอยู่เยอะๆ คิดว่าที่นี่ละ ใช่ละ

06.35 น. – เริ่มเดินขึ้น ไม่รู้ว่าถูกทางรึป่าว แต่กูดู maps.me ตลอด คือ maps.me ไม่ได้จ้างอะไรกูนะ แต่กูใช้แอพนี้ตลอด มันดีจริง ขนาดเส้นทางเดินเท้ามันยังมีแผนที่บอก เมิงคิดดู ถ้ากูหลงก็โง่ละ เดินไปเรื่อยๆ ประมาณ 3 นาทีกูปวดขี้ เลยเดินเข้าป่าขี้ข้างทางแป๊บหนึ่ง ตัดกลับมาที่ทางขึ้นเขา กุเดินต่ออีก 15 นาที แป๊บเดียวก็ไปถึงจุดชมวิวแรก ซึ่งน่าจะมาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวต้มร้อนๆ ที่นี่ ต้องบอกว่า วิวฟินมากกกกกกกก

06.45 น. – สิบนาทีต่อมาก็ขึ้นมาอยู่บนจุดชมวิวสูงสุดละฮะ เราก็อึ้งกับความสวยของมันนะ ไม่คิดว่ามาละจะโชคดีเจอทะเลหมอกด้วย ใช้ S7 ถ่ายรูปเสร็จ ก็ประกอบโดรนที่แบกขึ้นไปแล้วปล่อยบิน เอาล่ะ จะไม่พูดอะไรมาก ไปชมวิวกันเลย

10.00 น. – เรากลับมานอนต่อที่ห้อง รอพี่อ้ออาบน้ำแต่งตัว และปล่อยโดรนถ่ายภาพมุมสูงจากที่พัก ก็ทำให้เห็นบ้านเมืองของวังเวียงว่าเปลี่ยนไปมาก ตึกรามบ้านช่องนิคือแบบถูกสร้างขึ้นเร็วมาก งงตั้งแต่ทางไปผาเงินละ ว่าทำไมลาดยาง นิคงลาดยางถึงทางไป Blue lagoon เลยแน่ๆ เด่วบ่ายนี้ต้องไปพิสูจน์

10.30 น. – พอพี่อ้อแต่งตัวเสร็จ เราก็เก็บของออกไปที่พักอีกที่หนึ่งที่เมื่อคืนก่อนนอนที่อ้อ book ไว้ใน App Hostel world ครับ คืนนี้เราจะนอนกันที่ Hostel No.1 ของวังเวียง นั่นคือ Real Vang Vieng Backpacker Hostel นั่นเอง ที่พักคนละ 55,000 กีบ รวมอาหารเช้าครับ ก็เอาของไปไว้เสร็จ ละออกมาทานข้าวกัน มื้อนี้ทานข้าวปุ้นครับ อร่อยมากกก คือถ้ามาวังเวียงต้องกินพวกนี้ครับ แป้งจี้ ข้าวปุ้น ตำลาว ปลาปิ้ง เนื้อดาด รับรองว่าถึงวังเวียงชัว มื้อนี้ทานแค่นี้ เค้าเรียกเก็บ 4,000 กีบ แต่ตอนนั้นมีเงินอยู่ 3,000 กีบ ต่อเค้า เค้าก็บอก ได้ ฮาๆ

ตัดภาพมาที่เจ้า Drone DJI Phantom4 ตัวนี้ครับ ก่อนที่จะเอามาใช้ ก็ถูกเทรนมาอย่างดี กับพี่ๆ ที่ร้าน และก็เอามาบินเลยที่วังเวียงที่แรกแห่งนี้นี่แหละ อิเจ้าตัวนี้มันฉลาดมาก มี Sensor ด้านหน้า คอย Detected วัณถุที่อยู่ตรงหน้า ที่ห่างจากเราในช่วง 1-2 เมตร คือพอมันจับเจอวัตถุมันจะร้องดังออกมาที่รีโหมท แล้วก็จะบังคับตัวเองไม่ให้บินเข้าไปใกล้บริเวณนั้น

ที่พีคไปกว่านั้นคือ มันมี Programs ที่สามารถปล่อยบินได้โดยที่เราไม่ต้องบังคับกับรีโมทเลย ไม่ว่าจะเป็น mode ตามวัตถุ คือเลือกอะไรมาสักอย่างหนึ่ง แล้วให้เค้าบินตาม เช่น รถ เรือ หรือคนวิ่ง โหมดตามรีโมทก็ดี เมื่อเราถือรีโหมทแล้วเคลื่อนที่ไปที่ไหน มันก็จะวิ่งตาม ซึ่งสองโหมทนี้ สามารถเลือกระยะห่างระหว่างเรากับโดรนได้ หรือจะเป็นโหมทบินเป็นวงกลม โหมดนี้มักใช้บินรอบพวกตึกสูง เจดีย์ หรืออาคารที่มีลักษณะเด่น และโหมดพิเศษสุดท้ายคือ ลากตำแหน่งตาม GPS ก็ประมาณว่า จะให้มันบินแบบไหน ก็ลากๆ แล้วปล่อยให้มันบินตาม mission ที่เราวางไว้ ซึ่งโหมทนี้ไม่ค่อยนิยมใช้กัน มันอันตราย อันนตรายต่อตังค์ในกระเป๋ากูนี่แหละ ก็นั่นแหละครับ อาจจะไม่ใช้ MAVIC แต่ความสามารถนี่ไม่ต้องพูดถึง ถ้าได้ MAVIC มาเมื่อไหร่ จะเอามารีวิวให้ดูกันแบบเน้นๆ เลย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามได้ที่ DJI Premium Reseller by 13 Store เลยครับ

11.00 น. – เราเดินทางไปที่ถ้ำจังกัน เพราะทั้งสองคนยังไม่เคยเข้าไปในถ้ำเลย เสียค่าผ่านประตู 7,000 กีบ เสียค่าเข้าถ้ำ 15,000 กีบ (คือแพงแท้เนอะ) ก็นั่นละครับ ก่อนขึ้นถ้ำจะมีคนเล่นน้ำกันอยู่ คือน้ำน่าเล่นมาก แต่ตอนนั้นกุยังไม่พร้อมเปียก ฮาๆ ก็เดินขึ้นถ้ำไป ไปดูสิ ว่าข้างในมันมีอะไร

12.30 น. – แว็นซ์มอไซต์ไปบลูลากูนครับ คือครั้งที่แล้วมาไม่ได้โดดน้ำเครับ เพราะต้องรีบกลับ ครั้งนี้เลยจะมาโดดให้รู้ว่ามาถึงแล้ว ก็เสียค่าข้ามสะพาน 10,000 กีบ ค่าเข้า Blue Lagoon อีกคนละ 10,000 กีบ เก็บไปเรื่อยๆ ครับ เก็บเยอะจริงๆ ฮาๆ คือ Blue lagoon เปลี่ยนไปมาก มี Cafe’ Shop ด้านหน้า มี Slider สีฟ้าให้เด็กเล่น ละคือคนเยอะมากกกกกกก ละมี zip line บนต้นไม้อีกด้วย คืนมันไม่สวยเหมือนแต่ก่อนเลย แต่ก็นะ มาละ ก็โดดหน่อยละกัน

13.30 น. – เรากลับเข้าไปในเมือง ไปซื้อทริป tubing ครับ ได้ราคา 55,000 กีบ ก็นั่งรถสองแถวไปนอกเมืองราวๆ 5 กิโลเมตร จากนั้นก็เดินเข้าไปในหมู่บ้านคน แล้วปล่อยเรา Tubing ไปทั้งวัน คือเรียกว่าชิลมาก เราก็ทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ไว้ครับ เพราะเด่วอีกไม่นาน จะต้องไปหยุดที่บาร์ริวน้ำ แล้วความันส์ก็จะเริ่มขึ้น

15.30 น. – เรามาหยุดที่บาร์ริมน้ำแรกครับ เป็นบาร์เล็กๆ แต่เสียงเพลงไม่เล็กเหมือนบาร์เลย ก็ซื้อข้าวกิน จิบเบียร์เคล้าบรรยากาศกันไป เรียกได้ว่าชิลพอตัว ใครใครโดดน้ำก็โดดไป เม้าส์มอยก็ได้ จิบเบียร์ก็ดี คือมันจะมีประเพณีแบบนี้ครับ พอหยุดอยู่ที่บาร์แล้ว พอจะออกก็ต้องออกพร้อมกันครับ ตอนแรกเรามากํน 6-7 คน แต่พอออกตัวรอบนี้ มากันเป็นสิบยี่สิบคนเลย เอาล่ะ ลอยไปยาวๆ

16.30 น. – บาร์ที่สองจะใหญ่กว่าบาร์แรกครับ มี zip line ให้โหนเล่นด้วย เรียกได้ว่า เต็มสตรีมกว่าบาร์แรก ทุกคนดูผอ่นคลายมาก บ้างก็เล่นเบียร์ปิงปอง บางก็ลงไปเล่นน้ำกับเด็กลาวด้านล่าง ตอนนั้นบรรยากาศมันพาไป ละยิ่งมี promotion มา 4 ฟรี Buckets แล้วด้วย ความกรึ่มๆ เลยบังเกิด ช่วงนี้เป็นช่วงกอบโกยเพื่อนครับ เล่นกันไปยาวๆ กับฝรั่ง ละมาต่อที่โต๊ะสาวเกาะหลี ก่อนกลับนัดพวกไว้ที่ซากุระบาร์คืนนี้ด้วย

20.00 น. – หลังจากกลับมาที่พัก ไฟดับ แต่ก็อาบน้ำมันทั้งแบบนั้นละ นัดกันว่าเด่วเจอกันที่หน้า hostel กันทุ่มครึ่ง ไม่นานพี่อ้อก็ออกมา เราเดินไปหาอะไรกินกัน ด้วยเงินที่แบบน้อยนิดมาก แต่ก็หิวมาก เลยเข้าร้านอาหารใหญ่ หมดไป 500 บาทไทย ฮาๆ แต่ก็อิ่มดี จะกดตังค์ก็ไม่ได้ ไฟดับ คือเอาเงินไปแค่คนละ 5,000 บาทไทย แต่แลกไว้แค่คนละ 440,000 กีบ เงินไม่พอใช้ครับ

21.00 น. – เอาล่ะ มา สแตนบายที่ ซากุระบาร์ สำหรับคืนนี้ เรานิแบบดิ้นมาก แต่พี่อ้อไม่เอาด้วย ก็บิ้วกันจนนะ แต่ก็ไม่ขึ้น อาจจะเหนื่อย ฮาๆ สุดท้ายก็เลยชวนกันกลับห้องครับ คืนนี้อยู่ไม่จบจริงๆ พี่อ้อแกมึนมาตั้งแต่ tubing ละ ก็เลยกลับมานอนพักตอนราวๆ 5 ทุ่ม เห้อออ

สรุปค่าใช้จ่ายวันที่สาม

ค่าข้ามสะพานแม่น้ำซอง 10,000 กีบ หารสองคนละ 5,000 กีบ

ค่าขึ้นผาเงิน 10,000 กีบ

ค่าที่พัก Hostel 55,000 กีบ

ค่ากินข้าว 2,000 กีบ

ค่าผ่านประตูถ้ำจัง 7,000 กีบ หารสองคนละ 3,500 บาท

ค่าเข้าถ้ำจัง 10,000 กีบ

ค่าเข้า Blue lagoon 10,000 กีบ

เติมน้ำมันเต็มถังครั้งที่สอง 30,000 กีบ คนละ 15,000 กีบ

ค่า tubing 55,000 กีบ

ค่าข้าวเที่ยง 10,000 กีบ

ค่าข้าวเย็นคนละ  250 บาท

ค่าใช้จ่ายสองวันรวม 1,600 บาท

รวมค่าใช้จ่ายทั้งสามวันประมาณ 2,350 บาท

วันที่ 24 ตุลาคม 2559

09.00 น. – เช้านี้เรานอนตื่นสายโคตร เมื่อคืนฝนตกหนัก แต่พอตั้งสติได้ ขับรถออกไปที่แม่น้ำซอง แล้วประกอบโดรน ถ่ายมุมสูงเลย ในใจคิดว่าน่าจะได้ภาพวิวเมืองและเห็นหมอกภูเขาเป็นฉากหลัง และก้ได้มาแบบนั้นจริงๆ

10.00 น. – เสร็จสัพก็พากันมา breakfast คุยไปคุยมา กูว่าเรากลับเลยดีกว่า จากนั้นก็เก็บของ Check out ละก็กลับเลยครับ แต่ระหว่างทางกลับรู้อยู่นะว่ามีน้ำตกอยู่ไม่ไกล พยายามจะขับไปถ่ายรูปนะ แต่ทางเหี้ยมากกก เหี้ยจนต้องวนรถกลับ ใครมีโอกาสไปถ่ายรุปมาฝากหน่อย ชื่อตาดหนุ่ย

11.oo น. – ระหว่างทางขับกลับ เจอป้าย Sport Club Vang Vieng ไม่รอช้าที่จะโยกรถเข้าไป ปรากฏว่าที่นี่เป็นสวนน้ำเล็กๆ ที่น่าสนใจมาก ห่างจากตัววังเวียงมาราวๆ 6 กิโลได้ ใครคิดว่ามีเวลาแล้วอยากลองมาสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ก็ลองมาดูครับ

12.30 น. – ขากลับขับเร็วกว่าเก่าเยอะ เพราะเห็นทางชัด และเราก็ได้จุดพักทานข้าวที่วิวดีที่สุด เท่าที่เส้นทางสายนี้จะมีให้ นั่นก็คือบริเวณหมู่บ้าน Sivilay ครับ หากเพื่อนๆ ขับรถไปกันเองเหมือนพวกเรา ก็อย่าลืมแวะนะครับ เพราะที่นี่ ข้างทาง มีแต่สายน้ำ บ่อน้ำเต็มไปหมด ร่มเย็น และบรรยากาศดีมากๆ

15.00 น. – ถัดไปไม่นาน เลยหมู่บ้าน Phonethongneua ก็จะเจอถนนที่ทำให้เราต้องหยุดถ่ายรูปอีกครั้ง คือเอาจริงๆ พี่อ้อแกให้ผมหยุดจอดตลอดล่ะ แต่ผมขี้เกียจจอด แต่พอมาเส้นนี้ไม่หยุดไม่ได้ละครับ แม่งสวยจริงๆ หยุดเสร็จ ประกอบโดรน แล้วปล่อยขึ้นฟ้าทันที่ และนี่คือภาพที่เพื่อนๆ จะได้เห็นครับ

16.30 น. – ขับมาแบบตากฝน ทนฝุ่น หน้าไหม้ และดำไปโดยปริยาย แต่ก็เฉยๆ นะ เด่วมันก็หายแสบหายดำ ไอ่ของพวกนี้มันเอามาแลกกับประสบการณ์ไม่ได้หรอก พวกเราคืนรถ จากนั้นก็เดินไปกว่า 1 กิโลเมตรเพื่อไปหาซื้อตั๋วที่ สถานีขนส่ง ดีที่ตั๋วยังไม่เต็ม บขส.ลาว ขายรถ เวียงจันทร์ – กรุงเทพ VIP. ที่ 1,080 บาท ครับ ราคาสมเหตุสมผล พร้อมอาหารบนรถ และอาหารจอดพักระหว่างทาง ในรถมีห้องน้ำ แถามที่นั่งปรับนอนได้แบบเหยีบยาวเลย สบายสุดๆ รถออก 18.00 น. มีเวลาเหลือ เลยเดินไปประตูชัยกันครับ

17.20 น. – นี่คือประตูชัย สัญลักษณ์สัญคันเพื่อแสดงว่าเรามาถึงประเทศลาวแล้ว และเราขอจบทริป วังเวียง 2016 ไว้ที่ตรงนี้เลยละกันนะครับ ไว้เจอกันโอกาสหน้า

.: หลังจากที่ขึ้นรถ ต้องทำเรื่องที่ ตม. และจ่ายค่าออกนอกประเทศอีก 50 บาท ผมเดินทางไปถึงกทม.ตอนตี 5 และขับรถกลับมาอยุธยาเพื่อมาทำงานต่อตอน 8 โมงเช้า ชีวิตแม่งคือการเดินทางจริงๆ แล้วเจอกันระหว่างทางครับ

สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด

ค่าข้าวเที่ยงคนละ 120 บาท

ค่ารถกลับ กทม. 1,080 บาท

ค่าใช้จ่ายสามวันที่แล้ว 2,350 บาท

รวมทั้งทริปหมดไปราวๆ 3,550 บาท (ไม่รวมค่าเบียร์ ฮาๆ)

Exit mobile version