Backpack เลห์ – ลาดัคห์ ด้วยเงิน 25,000 บาท [ตอนจบ : Ganda La Pass Trekking]

image

35 |||

วันนี้เป็นวันที 6 สำหรับเมืองนี้ และรูทสุดท้ายของเรา คือการ Trekking 3 วัน 2 คืน ไปยังจุด Cha da pass ที่ความสูง 4,888 เมตร จากระดับน้ำทะเลครับ จากประสบการณ์ trekking ของผมแล้ว ผมขอร้องให้ไกด์พาพวกเราเดินอัดแค่ 2 วัน 1 คืน แต่ไกด์ก็พยายามบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วอ้างว่า ญี่ปุ่นมา เกาหลีมา ฝรั่งเศษมา เยอรมันมา หรือแม้แต่ประเทศไหนๆ มา เค้าก็ใช้กัน 3 วัน 2 คืนทั้งนั้น ถ้าประเทศไทยทำได้ ก็ลองดู…

image

แค่เปิดฉากก็มันแล้วครับสำหรับกิจกรรมสุดท้ายของเรา เรานัดดูดู้บเจ้าเดิมไว้ที่หน้า Trance Tara Tarvel เวลา 8.30 น. กะจะออกตอน 9 โมงเช้า และเมื่อทุกคนพร้อม อุปกรณ์พร้อม ก็เดินทางออกไปยังจุด Start ของการ Trekking ในครั้งนี้

image

image

ระหว่างทางต้องบอกว่าสวยงามอลังการอีกแล้วครับ คือผมไม่เบื่อวิวอะไรแบบนี้เลย ครั้งนี้เราต้องเหมารถไปสองคัน เพราะต้องจ้างไกด์มาอีกหนึ่งคน ทำให้ไม่สามารถอัดกัน 10 คนในรถคันเดียวได้ ผมนั่งไปกับรถเจ้าของ Agency ครับ เค้าก็เล่นให้ฟังว่า ถ้าหน้าร้อน แม่น้ำ Indust ที่เราเห็นเนี่ย บริเวณสะพานเหล็กคนจะปีนขึ้นไปบนยอดสุดของสะพานแล้วกระโดดเล่นน้ำกันอย่างเมามันส์กันเลย แล้วบริเวณนี้ก็จะมี คายัคให้พาย ล่องแก่งให้เล่น นานากิจกรรม กูฟังแล้วกูอยากกลับมาอีกจนเนื้อตัวสั่นครับ มันเหมือนเลือดในหัวใจมันเต้นจังหวะ EDM อย่างพรุ่งพร่าน ยังกะแดก Smirnoff Midnight มายังไงอย่างงั้น ฮาๆ

image

36 |||

Start Point

พวกเรามาถึงจุด Start Point ผมดูเส้นทางจาก Application Maps.me คร่าวๆ แล้ว 30 กิโลยังไงก็ถึง แม่งเริ่มหวั่นๆ ว่า 2 วันจะทำไม่ได้ครับ ฮาๆ ช่วงแรกเริ่มเดินที เราเดินกันอย่างชิลๆ และมีแวะขี้เป็นธรรมดาของนักเดินป่าครับ ไม่รู้เป็นไร Trek ที่ไร แม่งต้องขี้ข้างทางตลอด

image

แผนของเราคือแบบนี้ครับ เริ่มเดินจาก Jingchan Lower Camp ไต่ไปที่ Jingcham Upper Camp  แล้วมาพักทานข้าวกลางวันบริเวณ Tea tent สามแยกที่ทางซ้ายจะไป Stock Kangri ครับ แต่ทริปนี้เราไม่ได้ไป เราไปทริปอ่อนด๋อยก่อนนั่นคือทางขวา ตรงไปเรื่อยๆ จะไปเจอหมู่บ้าน Yurutse ที่พักของเราในค่ำคืนนี้

image

image

image

37 |||

บรรยากาศระหว่างทางเดินในช่วงแล้วไม่ค่อยพีคเท่าไหร่ บวกกับทางยังไม่ชัน ระยะทางไม่ได้ไกลและความสูงยังไม่มาก เลยทำให้พวกเรามาถึงที่พักค่อนข้างเร็วพอสมควร ราวๆ สี่โมงเย็นก็มาถึง Yurutse แล้ว แต่เชื่อมั้ย พอหยุดเดินเท่านั้น ร่างกายรับรู้ได้ถึงความโคตรหนาว คิดว่าคืนนี้ต้องตายแน่ๆ

image

image

image

image

image

image

image

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition เอากล้องยึดติดกับ Drone | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

image

image

image

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition เอากล้องยึดติดกับ Drone | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

เพื่อนๆ บางคนที่มือใหม่ไม่ค่อยได้ trekking ก็ต้องพักผ่อนพักขาให้เลือดมันไหลเวียนได้คล่องตัวครับ ไกด์ของเราชื่อจอห์น (ผมตั้งให้ เพราะผมจำชื่อภาษาลาดัคกี้ไม่ได้) ก็ดูแลและเทคแคร์ทุกคนอย่างดี คอยถามว่าต้องการอะไรมั้ย เอา Milk tea หรือเปล่า บลาๆ

image

image

ในตัวบ้านมีหัวจามรีเต็มไปหมด รวมถึงหนังสัตว์อะไรก้ไม่รู้เยอะแยะครับ เค้าอยู่ด้วยวิถีแบบนี้จริงๆ อยู่แบบโคตรพอเพียง แต่ก็สงสัย ว่าถ้าป่วยไข้ไม่สบายไปจะทำอย่างไร เรายืมห้วจามรีแห้งมาเป็นพร๊อบ แล้วถ่ายภาพชิคๆ เลียนแบบปก Real Alaska ของพี่ New york 1st Time (อยู่ดีๆ ก็จำชื่อพี่แกไม่ได้)

image

ห้องนอนมีหลายห้อง มีทั้งชั้นล่างชั้นบน แต่สำหรับค่ำคืนนี้ เราเลือกที่จะนอนรวมกัน 8 คนในห้องแคบๆ ห้องเดียวครับ คงไม่ต้องบรรยายไปมากกว่านี้ถึงสภาพอากาศ เอาเป็นว่าน้ำเนิ้มไม่ต้องอาบครับ อากาศหนาวเหี้ยๆ ฮาๆ

image

image

image

อาหารมื้อนี้เป็นอาหาร Standard กลางกรุงลาดัคครับ ไปที่ไหนก็จะได้กินอะไรๆ แบบนี้แหละ ซึ่งพวกเราก็กินกันจนเลี่ยนไปเลย แต่ดีหน่อย ที่มื้อนี้ มี soup ร้อนๆ ให้พวกเราได้คลายความหนาว ก่อนที่จะยัดกันเป็นไส้กรอก เบียดกันเป็นนอนเข้าไปหลับนอนในคอกหมูกลางขุนเขาแห่งนี้…

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition | ปรับโหมดถ่ายภาพ Night/ 30 sec / ISO : 800)

เพื่อนที่เอากล้องใหญ่มามันตื่นเต้นใหญ่ บอกว่าดาวสวยมาก เมิงออกมาดูเร็ว…

ดูเหี้ยอะไรล่ะ หนาวขนาดนี้ แต่สักพักก็ทนแรงกดดันของมันไม่ไหวครับ เอาตัวที่หนาวๆ ทั้งตัวไปอยู่ในบรรยากาศรอบข้างที่หนาวกว่า แต่ให้ตายเถอะ คืนนี้ดาวสวยจริงๆ อาจจะเป็นเพราะที่นี่ไม่มีแสงสว่างด้วย บวกกับอยู่กลางหุบเขา เดินกลับเข้าไปใหม่แล้วไปหยิบมือถือมาถ่าย แต่มืดสนิท เลยเปลี่ยนเอากล้อง Gopro มาถ่าย ปรับโหมดกลางคืน ปรับเวลา ปรับไอเอชโอ แค่นี้ก็ได้ภาพดาวที่ถ่ายจากมือเราเก็บไว้ดูแล้วล่ะ อาจไม่สวยเท่ากล้องใหญ่ แต่จงภูมิใจเพราะถ่ายจากมือเราและกล้องราคาหมื่นกว่าบาทเอง ฮาๆๆๆ

image

38 |||

รูทที่สามวันที่สอง ทั้งหนาว ทั้งเหนื่อย ทั้งเมื่อย ทั้งไม่พร้อม วันนี้นี้เราต้องเดินอัดกันราวๆ 27 กิโลเมตรครับ ให้ตายเถอะ และที่สำคัญก็ตรงช่วงขึ้นไปยังจุดสูงสุดของทางเดินนี่แหละ แม่งเอ้ยยย ทรมานเหี้ยๆ

image

image

จากหมู่บ้าน Yurutse วันนี้ เราจะต้องเดินไปที่ Ganda La Base Camp ต่อด้วย Ganda La upper Base Camp ก่อนที่จะไปถึง Ganda La Pass จุดสูงสุดของพวกเราในเช้าวันนี้

image

image

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

ระหว่างทางพีคมาก บางจุดต้องเดินบนแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็ง และเนื่องจากหน้าหนาว หิมะปกคลุมเส้นทาง แม่งต้องเดินลัดภูเขาหนึ่งลูกเพื่อไปที่ Upper Base Camp อิห่าราก ให้ตายเถอะ จิตใจคนนำทางแม่งทำด้วยอะไร ๕๕๕

image

image

39 |||

ความเหนื่อยเริ่มเกิดขึ้นในช่วงระหว่าง Base Camp ไปจนถึง Upper Base Camp ครับ เพราะทางชันเรื่อยๆ ไม่มีลาดลงเลย คือเมิงจะชันไปไหน ยิ่งเดินยิ่งเหนื่อย ยิ่งเก้ายิ่งหายใจไม่ทัน ต้องเดินพร้อมตั้งสมาธิพุทโธๆ ไปเรื่อยๆ ถือโอกาสสมาธิจงกลมไปในตัว แต่ทว่า อาการขาดออกซิเจนก็มาครับ เริ่มง่วงหงาวหาวนอน แต่ก็ดั้นด้นจนไปถึงจุด Upper Base Camp จนได้

image

image

image

image

40 |||

จุดที่เหี้ยที่สุดอยู่ตรงนี้ครับ…

เป็นจุดที่จะต้องโดนแดดเผาไปพร้อมๆ กันหิมะกัด

เป็นจุดที่จะต้องเดินย้ำบนหิมะ พร้อมๆ กับอากาศที่โคตรหนาว

เป็นจุดที่ขยับตัวเร็วไม่ได้ เพราะอากาศโคตรจะเบาบาง

เป็นจุดที่ออกซิเจนน้อย น้อยสะจนปวดหัว มึนงงไปหมด

เป็นจุดที่ถ้าคนร่างกายอ่อนแอ เมิงต้องเดินกลับไปที่จุดเริ่มต้นและทริปทั้งทริปต้องล่มเพราะคุณคนเดียว

image

image

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

แต่โชคดีที่ทีมเราสู้กันสุดใจครับ แม้จะหยุดพักบ่อย แต่ก็สู้กันจนถึงเส้นชัยกันทุกคน ร่างกายตอนนั้นไม่มีใครเต็มร้อยครับ บางคนเท้าพังไปแล้ว บางคนเสียสูญกับอาการแพ้ความสูง บางคนก็หนาวสะจนขยับมือไม่ได้ คือรับรองว่าไม่มีใครเต็มร้อยพอไปถึงจุด Ganda Pass ในหน้าหนาวแบบนี้ครับ เราอยู่ตรงนั้นไม่นาน ก็ต้องรีบลงมา เพราะลมแรงมากๆ และอากาศหนาวโคตรๆ T T

image

41 |||

ความรู้สึกว่างเปล่า…

ตอนนั้นรู้สึกว่า นี่เราเดินมาเพื่อที่จะมายืนอยู่บน Ganda Pass ไม่ใช่หรอ แต่ทำไรเราอยู่กันแค่ 3 นาทีเองล่ะ ฮาๆๆ หลายคนคงสมน้ำหน้า แต่เมิงลองไปเองเถอะนะ แม่งเหมือนฆ่าตัวตายชัดๆ

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

Ganda La Pass เป็น Trekking Route พื้นฐานที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกใช้บริการครับ เพราะเป็นรูทที่ใช้เวลาค่อนข้างเหมาะสม ไม่น้อยไม่มากจนเกินไป แถมยังได้สัมผัสความเป็น ลาดัคกี้ข้างทางได้อย่างเต็มตัวอีกด้วย  ที่ความสูง 4,888 เมตรเหนือจากระดับน้ำทะเลในตอนนั้น มันเหมือนฝันร้ายในโรงแรมห้าดาวซะไม่มี ทั้งดีทั้งไม่ดีในเวลาเดียวกัน แต่ถามว่าคุ้มไหม ตอบเลยว่าคุ้มเหี้ยๆ กับประสบการณ์แบบนี้

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

ระหว่างที่หลบลมหลังภูเขา เราก็นั่งพักกันครับ พร้อมกับเอาอาหารที่ จอห์นเตรียมมาให้ ทานกันเพิ่มพลัง ก่อนจะอัดยาวอีก 10 กิโลไปยังที่พักคืนที่สอง ที่หมู่บ้าน Skio ดูแววแล้ว ยังไงสองวันหนึ่งคืนก็ทำไม่ทันอย่างที่เฮียเค้าพูดจริงๆ ประเทศไทยยอมแล้วครับ ๕๕๕

image

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition เอากล้องยึดไว้กับ Drone | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

42 |||

หลังจากช่วงนี้อย่าเรียกว่า Trekking กันเลยดีกว่า

บางคนไหวก็แม่งแทบวิ่ง บางคนรีบก็เดินแซงแบบ กุรีบกลับบ้าน ฮาๆ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ถูกไม่ควรหรอก แต่เหมือนเดินมาด้วยกันหลายทริป สำหรับบางคน เลยรู้ว่า เออ ไปเจอกันจุดจอดข้างหน้า ถ้าไม่ไหว เด่วกูเรียกเองอะไรทำนองนั้น

image

image

image

ช่วงจาก ตัว Ganda La pass ไปยัง Skio จะต้องเดินผ่าน Shingo ครับ ในหน้าหนาวจะมีจุดพักหลักๆ แค่จุดนี้แหละ พวก camp tea tent ที่อยู่ในแผนที่เค้าไม่มาเปิดให้ครับ เค้าจะมาเปิดหน้าร้อน เราต้องเดินไปกับพื้นที่มีแต่หิน บรรยากาศนิคล้ายเหมืองหินแถวชลบุรีมากๆ แต่ก็ยังคงความยิ่งใหญ่ในตัวของมันอยู่ เดินจนผมเจ็บเท้า เดินจนแบบรู้สึกว่า กูเอาตัวเองมาทำอะไรที่นี่

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition เอากล้องยึดติดกับ Drone | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

image

ในระหว่างที่พักบริเวณข้างแม่น้ำก่อนถึง Shingo เพื่อนคนหนึ่งบ่นเจ็บขา เจ็บจนเดินกระเผก เจ็บจนทนไม่ไหว ถอดรองเท้าออกมาดู อื้มหืมมมม เลือดนองถุงเท้า จากสีขาวเป็นสีน้ำตาลเลยครับ คือรองเท้ามันเสียดนิ้วจนนิ้วพองแล้วก็หนังลอกออกจนถึงเนื้อชั้นใน เลือดมันก็เลยซึมมาเรื่อยๆ จนท่วมถุงเท้า แผนก็อย่างที่เห็น เป็นเกือบครบทุกนิ้ว

image

image

image

image

image

image

แต่ก็ต้องยอมใจน้องนุ่นจริงๆ ที่ฝืนเดินจนถึง Skio ที่พักคืนสุดท้ายของเราก่อนตะวันลับฟ้า ทุกคนคงอยู่ในสภาวะที่ต้องการพักร่างพักขา ต้องการเอาเท้าไปแช่น้ำร้อน แต่ฝันไปเถอะ อากาศยังคงหนาวเหมือนตอนอยู่ที่ Yurutse แต่อุ่นกว่าเล็กน้อย

image

image

image

image

43 |||

Skio เป็นหมู่บ้านที่น่ารักมากๆ มีสัตว์น้อยใหญ่เต็มไปหมด ทั้งล่อ ทั้งม้า ทั้งแพะ แกะ จามรี ความ ไก่ หมา แมว มีมันไปหมดครับ คือบริเวณนี้เริ่มมีคนอาศัยหนาแน่นก็ทุกบริเวณที่เดินผ่านมา เห็นร่องรอยการทำการเกษตร มีผู้คนผ่านมาผ่านไปให้รู้ว่าที่นี่คือหมู่บ้าน เราพักที่นี่ด้วยราคาที่ถูกกว่าคืนแรกราวๆ 1,000 กว่า Rs ถ้าจำไม่ผิด แต่มันเป็นเคสที่ไม่สามารถต่อราคาได้ครับ

image

image

อาหารเหมือนนี้ ก็คล้ายๆ กับทุกมื้อในลาดัคกี้ ไม่เบื่อก็แย่แล้ว ทำใจกินเพื่ออยู่ เอาตัวรอดด้วยการสั่งไข่เจียว แล้วเหยาะน้ำปลาที่ห่อมาจากไทยครับ คืนนี้เราพักกันแบบสลบคาเตียง ใครจะไปคิด ว่าต้องเดินบนพื้นแข็งๆ อัดขึ้นภูเขา และลงยาวๆ กว่าเกือบ 20 กิโลเมตร ท่ามกลางอากาศหนาว ภายในวันเดียว นึกแล้วก็ขำ ปากดีไปบอกเจ้าของ Agency ว่าจะเดินแค่ 2 วัน 1 คืน อิบ้า!!! ไม่ตายก็บุญแล้ว ฮาๆ

image

image

image

image

44 |||

เช้าวันสุดท้ายของรูท Trekking ผมตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันและถ่ายภาพหมู่บ้าน รวมถึงสัตว์น้อยใหญ่ไว้เป็นที่ระลึก และเมื่อทุกคนทานข้าวเสร็จ เก็บของพร้อม ก็เดินทางกันต่อเพื่อกลับเข้าสู่ Leh ทว่า ตัวอยู่ Skio ใจอยู่ Leh ไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

image

image

image

ผมเห็นว่าเพื่อนสองคนเดินไม่ไหว พี่ออยที่ขากระเผกยังกะคนโดนรถชนมา นุ่นที่เลือดอาบนิ้วเท้ายังกะเอาหินไปขูดนิ้วเท้าตัวเองเล่นจนเลือดออก ก็เลยปรึกษาไกด์  บอกว่าจะขอเช่าม้าให้พาพวกเธอไปส่งยังจุดรับ หรือ End point นั่นเอง คุยไปคุยมาปรากฏว่าได้ และได้ในราคาคนละ 500 Rs หรือ 250 บาทไทย ซึ่งท่าเทียบแล้ว ม้าที่หัวหินสู้ไม่ได้แบบแพ้ขาดลอย ฮาๆ

image

45 |||

ระหว่างทางกลับจาก Skio มีหมู่บ้าน บ้านเรือนเยอะกว่าที่ผ่านมา สัตว์น้อยใหญ่ก็เยอะ อาจจะเพราะจะได้กลับบ้าน ทุกอย่างมันเลยดีไปหมด บางทีก็คิด ว่าเอาตัวเองมาลำบากที่นี่ทำไม แต่ถามว่าจะให้เปลี่ยนใจมั้ย ขอตอบว่าไม่ ถึงลำบากก็จะมา เพราะถ้าไป Trekking ก็คงจะไม่เจอประสบการณ์แบบนี้

image

image

image

เราเดินไปเรื่อยๆ เดินไปทาง Maps.me แอพพลิเคชั่นที่ผมได้ปักหมุดจุดจบของการ Trekking นี่ไว้ เราจะไปหยุดกันที่สะพานทางข้างแม่น้ำ Zanskar ครับ ใช้เวลาเดินราวๆ ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ต้องอึ้งนิดหน่อย

image

ย้อนกลับไปเมื่อเย็นวานนี้ ไกด์บอกว่า จริงๆ Skio รถเคยเข้ามาได้ แต่เมื่อฤดูกาลที่แล้ว น้ำขึ้น ทำให้ให้พังสะพานข้ามแม่น้ำ Zanskar เสียหาย รถจึงเข้ามาไม่ได้ เราจึงต้องเดินเท้ากันออกมาราวๆ 10 กิโลเมตร เพื่อที่จะไปยังจุดรับกลับบ้าน

image

อึ้งซ้ำสองไปใหญ่ เมื่อเดินมาถึงยังสะพาน เรากลับไม่เจอสะพาน แต่เจอเพียงกระเช้า เหมือนประเทศเนปาลที่ไว้คอยรับส่งเกษตรกรข้ามฟากเข้าเมือง ในใจรู้สึกตื่นเต้นมากๆ อยากนั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำ ตั้งแต่อยู่เนปาลละ ไม่คิดว่าจะได้มานั่งที่ลาดัคแห่งนี้

image

46 |||

พวกเดินเท้าเดินมาถึงจุด End point ก่อน และลงไปชำระล้างร่างกาย รับความเย็นจากแม่น้ำ Zanskar รอพวกที่ขี่ม้าอีกสองคน ไม่นานนัก สาวๆ ก็ขี่ม้ามาถึงจุด End Point

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition เอากล้องยึดติดกับ Drone | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

ไกด์บอกว่าให้ทยอยข้ามไปทีละสองคนพร้อมเป้อีกสองใบ แต่ต้องรอดูดู้บขับรถมาอีกฟากจากทาง Chilling เพื่อมาลากเชือกในขณะที่กระเช้าหยุดอยู่กลางแม่น้ำ ไม่นานนัก ดูดู้บกับเจ้าของ Agency ก็มาครับ เราจึงเริ่มการ Shipping สินค้ากันตั้งแต่เดี๋ยวนั้น

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

เมื่อทุกคนข้ามมากันครบ ก็เหมือนว่าทริปนี้กำลังจะจบลง…

เออ Gopro มันสามารถเชื่อมต่อมือถือดูภายโดยใช้ wifi ได้ครับ ระหว่างที่นั่งรถกลับก็เปิดดูภาพบางส่วน สลับกับโหลดรูปเด็ดๆ เตรียมโพสต์ facebook เมื่อมี internet อยู่ๆ ภาพในวันวานสองสามวันที่ผ่านมาก็ฉายอยู่ข้างในใจของผม นึกไปนึกมาก็เศร้านิดหน่อย นี่กูกำลังจะกลับบ้านแล้วหรอวะเนี่ย

image

47 |||

ตอนนี้เมืองที่เราอยู่คือ Chilling ครับ ถนนดีมาก บรรยากาศดีสุดๆ ทางนี่เรียบ ไม่เหมือน Nubra Valley กับ Pangong Lake เลย ผมยังคงอึ้งกับภาพวิวที่คล้ายกับภาพติดฝาผนังที่ซื้อตามย่านเยาวราชอยู่เลย บางทีก็เหมือนฝันไป นี่เรามาอยุ่ในที่อะไรแบบนี้จริงๆ หรอ

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

ระหว่างทางมีคนกำลัง Rafting เราก็อยากเอาด้วย เพราะยังเหลือเวลาครึ่งวัน เคยคุยกับ Agency แล้ว Agency บอกว่ายังล่องไม่ได้ เพราะน้ำมันหนาวมาก คือเชื่อว่าน้ำมันหนาว แต่ในเมื่อมีคนมาจอดรถลงเล่น เราก็ขอแจมแล้วกันวะ

image

image

image

เสียดายที่เรือไม่มีที่ว่างพอสำหรับ 8 คน นี่อาจจะเป็นอีกเรื่องๆ หนึ่งที่ทำให้ผมต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งสินะ จริงๆ แล้วผมคงกลับมาที่นี่อีกล่ะ เพราะยังมี Chan Da Pass ที่ผมอยากไป Stock kangri ที่ผมอยากเดิม Rafting ในแม่น้ำ Zanskar ที่ผมอยากเล่น และขับมอเตอร์ไซต์ลงมาทางใต้อย่างเมือง chilling ผมคงต้องกลับมาที่นี่จริงๆ

image

image

image

48 |||

วันสบายๆ วันสุดท้ายใน Leh-Ladakh

ผมไม่อาบน้ำ และรีบออกมาหาอะไรทำให้คุ้มค่ากับเวลาครึ่งวันที่เหลืออยู่ที่นี่ ไปที่ Tibetian Market Main Bazaar ไปซื้ออุทการ Trekking ราคาถูก ไปยัง Main bazaar ไปซื้อของฝาก ไปยังหัวมุมเมือง ที่ถนน Old Leh Road เพื่อไปซื้อไอติม Butter Scot ที่ขึ้นชื่อของเมืองหนาวในแถบนี้ วันนั้นกูฟาดไปสามโคนค่ะ เอาให้อ้วกแตกตายกันไปเลย

image

image

ที่ Leh นั่นมีของที่ระลึกแนวหินแร่ที่มีชื่อเสียง อาหารแห้งและผลไม้แห้งก็มีชื่อเสียง เราใช้เวลาเดินซื้อของฝากกลับบ้าน ของที่ระลึกให้เพื่อน และนัดกับไกด์ ดูดู้บ และเจ้าของ Agency ร่วมทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนนกลับ โดยให้ดูดู้บเลือกร้าน

image

ดูดู้บพาไปร้านไหนก็ไม่รู้จำไม่ได้ แต่เป็น Tibet Food คือเข้าไปในหลืบแล้วต้องเดินขึ้นชั้นสอง เราสั่งอาหารมาทานกัน คุยกัน นัดกันว่าจะกลับมาอีก ถ่ายรูปร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย โอบกอดกันหลังทานข้าวเสร็จ และแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ที่สุด

image

49 |||

คืนสุดท้ายใน ลาดัค…

เราต้อง Backing ของให้เสร็จ เพื่อตื่นนอนตอนตีห้าแล้วออกจากที่พักไปเลย Flight เราบินตอน 7 โมงเช้า เรานัด ดูดู้บไว้ทีเดิมที่เราเจอกันครั้งแรก แปลกดีที่การเจอกันครั้งนี้ของผม เพื่อนๆ แล้วดูดู้บ มองหน้ากันไม่ติดเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะภายในใจต่างรู้ ว่าอีกไม่กี่นาทีเราต้องจากกัน

image

(ถ่ายด้วย Gopro Hero4 : Black edition | ปรับโหมดถ่ายวีดีโอ : Video + Photo/5 sec)

ดูดู้บขับรถช้ากว่าปกติมาก ในรถเงียบ ไม่เหมือนอย่างเคย จาก Leh ไปสนามบินจากที่เคยใช้เวลานาน กลับแป๊บเดียวราวกลับว่ามีใครกลั้นแกล้ง เราลงจากรถ ยกของลงจากหลังคา เช็คของก่อนเข้าไปในสนามบิน และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายของทริปที่เราจะได้พูดคุยและบอกลาดูดู้บ จะว่าไป ดูดู้บเป็นคนที่อยู่กับเรานานที่สุดในทริปนี้ เราสนิทกันเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะช่วงหลังๆ ที่ดูดู้บกล้าที่จะแซวเรา กล้าที่จะแกล้งเรา มันทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนต่างชาติที่จริงใจต่อกันและกัน ผมว่าเงินค่าขนส่งตอนเช้านี้ดูดู้บไม่ต้องการหรอก แค่ 200 Rs เอง แต่ที่ดูดู้บยินดีมา ก็เพราะอยากจะมาส่งเรา ผมให้เสื้อเพจ PALAPILII ดูดู้บเป็นที่ระลึก พร้อมกับเข้าไปสวมกอดเพื่อนชายของผมคนนี้

Nice to meet you, See you again

ทุกการพบเจอ ต้องมีการจากลา เที่ยวมาเป็นสิบเป็นร้อยทริป ก็ยังไม่เคยชินกับการบอกลาที่ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันเมื่อไหร่สักที ขอบคุณมืองน่ารักๆ เมืองนี้ ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปทุกคน ขอบคุณดูดู้บและผองเพื่อน ของคุณสัตว์น้อยใหญ่ที่ทำให้ยิ้มเวลาที่ท้อใจระหว่างทาง ไม่รู้ว่าว่าทริปหน้าจะได้เจอกันเมื่อไหร่ แต่ขอให้รู้ไว้ ว่าเราจะคิดถึงพวกคุณเสมอ…

image

50 |||

ค่าใช้จ่ายทริปนี้…

  • ค่าเครื่องไปกลับโดย Jet Airways 15,330 บาท = 15,330 บาท
  • ค่า Taxi เข้าตัวเมือง 200 Rx (หาร 4) = 50 บาท
  • ค่าที่พักคืนแรก Peace Hostel ห้องละ 800 Rs (หาร 3) = 270 บาท
  • ค่ารถทัวร์ Shanti sutupa + Leh Palace 1,200 Rs (หาร 8) = 150 บาท
  • ค่าอาหารวันแรก เฉลี่ยคนละ 200 บาท = 200 บาท
  • ค่าทำ Permit Card คนละ 700 Rs = 350 บาท
  • ค่า Roadtrip 2 วัน 1 คืนไป Pangong Lake 10,000 Rs (หาร 8) =1,250 บาท
  • ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์สองวัน 900 บาท (หาร 8) = 110 บาท
  • ค่าน้ำมัน 200 บาท (หาร 8) = 25 บาท
  • ค่าอาหารรูทนี้เฉลี่ยคนละ 300 บาท = 25 บาท
  • ค่า Road trip 2 วัน 1 คืนไป Nubra valley 8,000 Rs (หาร 8) = 1,000 บาท
  • ค่าน้ำมัน 200 บาท (หาร 8) = 25 บาท
  • ค่าอาหารรูทนี้เฉลี่ยคนละ 400 บาท = 400 บาท
  • ค่าที่พักที่ Hunder 800 Rs (หาร 3) = 270 บาท
  • ค่าขี่อูฐ 15 นาที 200 Rs = 100 บาท
  • ค่าเข้าวัดดิสกิท คนละ 30 Rs = 15 บาท
  • ค่า Guide นำทาง Ganda La Pass สามวัน 4500 Rs (หาร 8) = 560 บาท
  • ค่ารถไปกลับจุด Start and End trekking 10,000 Rs (หาร 8) = 1,250 บาท
  • ค่าที่พักรวมอาหารเฉลี่ยสองคืนช่วง Trekking 18,000 Rs (หาร 8) = 2,250 บาท
  • ค่าจิปาถะ ซื้อของฝาก บลาๆ วันสุดท้าย 1,000 บาท = 1,000 บาท
  • ค่าที่พักคืนสุดท้ายห้องละ 800 Rs (หาร 3) = 270 บาท
  • ค่า Taxi ส่งกลับสนามบิน 200 Rs (หาร 8) = 25 บาท
  • ค่า Tip ให้จอห์นกับดูดู้บ 1,000 Rs (หาร 8) = 125 บาท

รวมค่าใช้จ่ายทั้งทริป 25,050 บาท (ประมาณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ บางอย่างคิดเกิน บางอย่างต่อราคาได้)

ตอนที่หนึ่ง : Pangong Lake

ตอนที่สอง : Nubra Valley

เพื่อนๆ สามารถติดตามข่าวสารและ Life Style ชีวิตท่องเที่ยวของผมได้ที่

Line : http://goo.gl/Ktk5Fv
Youtube : https://goo.gl/rVqoVe
Fan Page : https://goo.gl/kDE9eh
Facebook : https://goo.gl/S42XZq
Instagram : https://goo.gl/60tM0B
Twitter : https://goo.gl/wx2I34
Pinterest : https://goo.gl/P1FsxN
Google+ : https://goo.gl/uQrGS9
Website : https://www.palapilii.com

‪#‎palapilii‬ ‪#‎palapiliithailand‬
‪#‎Gopro‬ ‪#‎Goprothailand‬ ‪#‎GoproGotravel‬
‪#‎citibannk‬ ‪#‎citibankthankyou‬

4 Comments

  1. รบกวนถามนิดหนึ่งคะ ไปลาดักที่บอกหารกันไปกับเพิ่อนๆหรอคะ หรือว่าไปเจอเพื่อนจากที่อื่นๆที่นั่น สนใจจะไปเช่นกันอะคะ

    1. คือเหมือนเราจองไปคนเดียว จากนั้นก็หาเพื่อนที่จะไปด้วย ก็แยกกันจอง แล้วไปเจอกันที่สนามบินครับ

  2. สอบถามหน่อยค่ะ ตอนที่ขอวีซ่าอินเดียที่ต้องเตรียมใบจองที่พัก พี่จองไปกี่คืนค่ะ เพราะอ่านจากรีวิวเห็นวอคอินเอา

  3. ขอสอบถามครับ เวลาเดินทางไปค้างที่ปันกอง หรือนูบร้า เราต้องเผื่อที่พัก กับอาหารให้คนขับรถด้วยหรือเปล่าครับ

Leave a Reply

*